“บายดีซีน” ผนึก “ดิ แองเจิล” ติดปีก ดันนวัตกรรมไทยสู่เวทีโลก!

0
3071

บายดีซีน” ผนึกขุมพลังสุดแกร่ง “ดิ แองเจิ้ล” พันธมิตรใหม่! ดันธุรกิจสู่ตลาดขายตรงระดับโลก ผ่านสินค้านวัตกรรม งัดกลยุทธ์ 4T เกาะกระแสเทรนด์โลก เดินหน้าฝ่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาด พลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบออนไลน์ครบวงจร หวังตอบโจทย์ผู้บริโภค ! แต่งตั้ง “เดฟ เฟลป์ส” นั่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขาย  เผยตลาดกัมพูชาบูมต่อเนื่อง    

“ณัฎฐ์ธรินทร์ – ชนิดา บูรณะบุตร” ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บายดีซีนอินซ์ (ประเทศไทย) จำกัด   (ByDzyne) เปิดเผยว่า บายดีซีนมีแพลตฟอร์ม 4T ในการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ได้แก่ 1. เทคโนโลยี (Technology) 2. เทรด (Trade) 3. การเปลี่ยนแปลง (Transform) และ 4. การท่องเที่ยว (Travel) ทำให้ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ได้ดำเนินธุรกิจถูกจัดอันดับอยู่ที่ 2 ของโลกใน Business For Homeนอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ เดฟ เฟลป์ส ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายของบริษัทอีกด้วย

“เรามีทิศทางการเติบโตที่ดีมากทั้งในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ด้วยปัจจัยเบื้องต้นการได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ “ดิ แองเจิ้ล” ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจเครือข่ายมายาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเข้ามาร่วมในครั้งนี้ ทำให้บายดีซีนมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ส่วนประเทศกัมพูชาเราได้ผู้นำคนใหม่ล่าสุดของบายดีซายน์ Chan Pross ณ.ตอนนี้เป็นผู้นำสูงสุดระดับ President ในประเทศกัมพูชา มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เรามีความเชื่อมั่นว่าการเข้ามาร่วมงานกันในครั้งนี้จะสามารถสร้างการเติบโตให้บายดีซีนได้อย่างแน่นอน”

ด้าน “เศรษฐพงค์ เหมินทคุณ” รองประธานภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท บายดีซีน อินซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทำให้หลายธุรกิจมีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว บายดีซีนก็เป็นธุรกิจที่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ตัวเลขการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เพราะองค์กรมีการทำงานแบบออฟไลน์ควบคู่กับระบบออนไลน์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทำให้ผู้นำนักธุรกิจของเรามีพื้นฐานการทำออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดประชุมหรือการจัดเทรนนิ่ง ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน Zoom ที่สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้กว่า 80 ประเทศทั่วโลก แต่ละครั้งมีผู้เข้าร่วมนับพัน ทำให้บายดีซีนไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะตลาดกัมพูชาที่มีการเติบโตสูงมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้บริษัทเน้นปฏิบัติสองเรื่อง คือ การทำธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มที่ และเน้นทำตลาดประเทศที่ยังสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 

“ส่วนแผนการทำตลาดของบายดีซีนในขณะนี้ จะเน้นผลิตภัณฑ์ตามกลยุทธ์ 4T ได้แก่ 1. เทคโนโลยี (Technology) คือ ผลิตภัณฑ์ Smartwatch และ OMA แพ็กเกจเว็บไซต์ออนไลน์ครบวงจร (Online Marketing AI) มีการทำ SEO การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย และการทำ Blog โดยใช้ AI ตอบคำถามและวิเคราะห์ข้อมูลให้นักธุรกิจทำตลาดได้ตรงเป้าหมาย 2. เทรด (Trade) บริษัทได้เป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบัน MTI ที่เปิดมาแล้วกว่า 25 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบริการด้านความรู้และสอนเทรดอย่างเดียว เพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3. การเปลี่ยนแปลง (Transform) ยกระดับคุณภาพชีวิตจากภายในสู่ภายนอก ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 4. การท่องเที่ยว (Travel) รับประสบการณ์ที่มากกว่าแต่จ่ายน้อยกว่า ด้วยแพ็กเกจส่วนลดใช้สำหรับจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน จองรถเช่า หรือจองทริประยะสั้น เมื่อสมาชิกใช้งานในกิจกรรมต่างๆ สมาชิกก็จะได้รับคะแนนเพื่อใช้เป็นส่วนลดในการจองครั้งถัดไปอีกด้วย” เศรษฐพงค์ กล่าว

ส่วนทางด้าน “เอื้ออารี ต่อเนื่อง” ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิ แองเจิล เอสแอลเอ็ม จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้ เนื่องจากเห็นถึงวิชั่นของบายดีซีนที่ต้องการเป็นอูเบอร์ของวงการธุรกิจเครือข่าย และได้เห็นในเรื่องของ 4T ขณะเดียวกันโครงสร้างของแผนการตลาด ซึ่งบายดีซีนและดิแองเจิ้ล ค่อนข้างจะเหมือนกันมาก ผมและทีมผู้นำหลักจึงตัดสินใจนำ ดิ แองเจิ้ล มาผนึกกำลังกับบายดีซีน พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ 6 รายการ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เหนือกว่าบียอนด์เวลเนส (Beyond Wellness) เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มของบายดีซีนด้วย ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของไทยส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก