นายก TCMA รับหน้าที่ประธานสภาผู้ผลิตซีเมนต์แห่งอาเซียน ผนึกความร่วมมือเร่งพัฒนาโรดแมปอาเซียนซีเมนต์มุ่งสู่การลดคาร์บอน

0
18

จับตาบทบาทใหม่ “ดร.ชนะ ภูมี” นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) รับตำแหน่ง‘ประธานสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน’ (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) ปี 2568 – 2570 มุ่งผนึกกำลัง 8 ประเทศสมาชิกผู้ผลิตปูนซีเมนต์ภูมิภาคอาเซียน ร่วมขับเคลื่อนอาเซียนซีเมนต์อย่างมีพลวัต เร่งเครื่องเดินหน้าพัฒนา AFCM Decarbonization Roadmap พร้อมเชื่อมโยงอาเซียนและองค์กรระดับโลกสนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอน

มติเอกฉันท์นั่งประธานสภาอาเซียนซีเมนต์
ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวาระเข้ารับตำแหน่งประธานสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) ระหว่างปี 2568 – 2570 ภายหลังการประชุมสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ทำหน้าที่

จากความมุ่งมั่นและผลดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมาของ TCMA ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 ตามแนวทาง Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete Roadmap ได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในภูมิภาคอาเซียน ให้เป็นต้นแบบดำเนินงาน ทั้งด้านการผนึกกำลังระหว่างผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศด้วยกันเอง ความสำเร็จเรื่องปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ-ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก การพัฒนานวัตกรรมความร่วมมือดำเนินงานเชิงพื้นที่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน (Public-Private-People Partnership: PPP)-สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ตลอดจนการเชื่อมโยงความร่วมมือกับองค์กรระดับโลก มาสนับสนุนสร้างความก้าวหน้าดำเนินงาน

“ขอบคุณทั้ง 8 ประเทศสมาชิก AFCM ที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ประเทศไทย โดยนายก TCMA ทำหน้าที่ประธานสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน การทำงานจะมีนายมนตรี นิธิกุล ทำหน้าที่เลขาธิการ AFCM และ TCMA เป็นสำนักงานเลขาธิการ AFCM ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกประเทศสมาชิก ร่วมกันขับเคลื่อนอาเซียนซีเมนต์มุ่งสู่การลดคาร์บอน โดยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสมาชิก TCMA ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทย”

วาง 4 กลยุทธ์นำ AFCM มุ่งสู่การลดคาร์บอน
ดร.ชนะ ฉายภาพถึงทิศทางการทำงานในบทบาทประธานอาเซียนซีเมนต์ ซึ่งต้องประสานความร่วมมือของผู้ผลิตซีเมนต์ใน 8 ประเทศสมาชิก ผ่านสมาคมผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในแต่ละประเทศ ได้แก่ 1) บรูไน โดย Heidelberg Materials Butra Sdn Bhd 2) อินโดนีเซีย โดย Indonesia Cement Association 3) มาเลเซีย โดย The Cement and Concrete Association of Malaysia 4) ฟิลิปปินส์ โดย Cement Manufacturers’ Association of the Philippines 5) สิงคโปร์ โดย Cement and Concrete Association of Singapore 6) เวียดนาม โดย Vietnam National Cement Association 7) ไทย โดยสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และ 8) กัมพูชา โดย Cambodian Cement Manufacturing Association ที่เข้าเป็นสมาชิกใหม่ปีนี้
การทำงานในระยะ 2 ปีข้างหน้า ในฐานะประธานสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน วาง 4 กลยุทธ์ สู่เป้าหมายนำอาเซียนซีเมนต์มุ่งสู่การลดคาร์บอน ขับเคลื่อนตามบริบทนโยบาย แนวทาง และความพร้อมของแต่ละประเทศ

  1. เร่งเดินหน้าพัฒนา AFCM Decarbonization Roadmap เพื่อแต่ละประเทศสมาชิกได้นำไปใช้เป็นกรอบแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มุ่งสู่การลดคาร์บอน ร่วมกับภาครัฐ
  2. ผนึกความร่วมมือทุกสมาชิกร่วมขับเคลื่อนอาเซียนซีเมนต์อย่างมีพลวัต โดยนำศักยภาพของแต่ละประเทศ มาร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในอาเซียนให้ไปทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับทิศทางของโลก
  3. กระชับความร่วมมืออาเซียนภาครัฐ การทำงานในรูปแบบ Public-Private-People Partnership (PPP) เป็นแนวทางสำคัญต่อการสร้างความก้าวหน้าดำเนินงาน
  4. เชื่อมโยงองค์กรระดับโลกสนับสนุนอาเซียนซีเมนต์ลดคาร์บอน อาทิ Global Cement and Concrete Association (GCCA), United Nations Industrial Development Organization (UNIDO), องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ), World Economic Forum เป็นต้น ครอบคลุมด้านการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และแสวงหาแหล่งทุนมาดำเนินโครงการสำคัญในภูมิภาค

ดร. ชนะ กล่าวย้ำว่า การเข้ารับตำแหน่งประธาน AFCM ในครั้งนี้ เป็นบทบาทสำคัญของไทย ที่จะประสานความร่วมมืออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในภูมิภาคอาเซียนให้ขับเคลื่อนไปในเป้าหมายเดียวกันในการมุ่งสู่การลดคาร์บอน ผ่าน AFCM Decarbonization Roadmap ที่จะร่วมกันจัดทำขึ้น โดยการขับเคลื่อนนี้ต้องอาศัยการสนับสนุน/ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนโยบาย มาตรการ กลไกดำเนินงาน และการลงมือทำ การสร้างความร่วมมือจากผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำในแต่ประเทศสมาชิก AFCM กับองค์กรต่างๆ เชื่อมโยงไปกับโมเดลระดับโลกแบบบูรณาการ เพื่อส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมในระยะยาวได้