ธ.ไทยเครดิตฯ จับมือ กรมการพัฒนาชุมชน เดินหน้าขยายหลักสูตรการเงินตังค์โต Know-how สู่ผู้นำชุมชน หวังสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

0
1465

ธ.ไทยเครดิตฯ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน เดินหน้านำหลักสูตรความรู้ทางการเงิน“ตังค์โต Know-how” ถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง สู่เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ และผู้นำชุมชนต้นแบบ เพื่อขยายองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการชุมชน ชูบริหารการจัดการหนี้ และวินัยการออม เป็นเกราะการเงิน ต้านภัยโควิด-19 อีกทั้งยังเป็นการบริหารจัดการการเงินอย่างยั่งยืนในระยะยาวหลังภัยโควิด โดยมีผู้เข้าอบรมครั้งล่าสุด 275 ราย จาก 49 จังหวัด  ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอ คณะกรรมการศูนย์จัดการกองทุนชุมชนต้นแบบ และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน (ส่วนกลาง) 

มร. รอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิตฯ เผยว่า “ในยุคโควิดนี้ หรือแม้กระทั่งในชีวิตประจำวัน ความรู้ทางการเงินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการหนี้ และเงินออม สำหรับใช้ยามฉุกเฉิน  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาหลักในหลักสูตรตังค์โต Know-how ที่ได้ถ่ายทอดสู่ผู้นำชุมชน ในรูปแบบ เทรน-เดอะ เทรนเนอร์ โมเดล เพื่อส่งต่อองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน 

โดยเงินออมในสัดส่วนจำนวนเท่าต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดของแต่ละสายวิชาชีพอาจมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความมั่นคงของแต่ละสายงาน เช่น  อาชีพข้าราชการที่มีความมั่นคงในอาชีพสูง ควรมีเงินออมฉุกเฉิน 3 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่หากเป็นมนุษย์เงินเดือน มีความมั่นคงในอาชีพรองลงมา ต้องมีเงินออมฉุกเฉินถึง 6 เท่า ในขณะที่อาชีพอิสระ อย่างพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร ฟรีแลนซ์ต่างๆ ควรเตรียมไว้ถึง 12 เท่า  และต้องใส่ใจในการบริหารจัดการหนี้สิน อย่างมีระบบ มีขั้นตอน ทั้งหนี้นอกระบบ และในระบบ โดยพิจารณาจากวงเงินกู้ยืม ระยะเวลา ดอกเบี้ย เป็นต้น รวมถึงการสร้างอาชีพเสริมจากความสามารถพิเศษ จากงานอดิเรก เพื่อเพิ่มรายได้ ทั้งนี้เพื่อการอยู่รอดในภาวะวิกฤตต่าง ๆ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

ด้าน นายทรงพล วิชัยขัทคะ ผู้อำนวยการ สำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เผยว่า ทางกรมฯ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพศูนย์จัดการกองทุนชุมชนต้นแบบด้านการบริหารจัดการหนี้ “สำนึกดี แผนดี บริหารหนี้ได้”  ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน อันเป็นที่ทราบกันดี เรื่องภาวะหนี้สินครัวเรือนของพี่น้องประชาชนนั้นเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ทางกรมฯ จึงได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ความยากจน  ลดความเหลื่อมล้ำ

โดยได้ขอความร่วมมือจากธนาคารไทยเครดิตฯ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีองค์ความรู้ในด้านการเสริมสร้างทักษะทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้แก่คณะกรรมการศูนย์จัดการกองทุนชุมชนซึ่งเป็นผู้นำชุมชน ได้รับความรู้ในเรื่องของการบริหารจัดการหนี้ และการบริหารเงินทุนให้งอกเงย จากการที่ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนได้เข้าร่วมการปรับโครงสร้างหนี้ หนึ่งครัวเรือนหนึ่งสัญญา  กับศูนย์จัดการกองทุนชุมชน ซึ่งได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนอาชีพแก่  ผู้ที่ร่วมโครงการ  โดยคาดหวังว่าการอบรมสร้างความรู้ทางการเงินจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ และเพิ่มแนวคิดในการสร้างรายได้และหาอาชีพเสริม เพื่อสร้างความมั่นคงในครัวเรือนและในชุมชน​

จากการอบรมออนไลน์ที่ผ่านๆ มา  ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าอบรมไปแล้วร่วม 400 ราย จาก 49 จังหวัด ต่าง    พึงพอใจในหลักสูตรตังค์โต Know-how ที่มีมาตรฐานตามหลักวิชาการ  เป็นหลักสูตรเข้าใจง่าย สนุกสนาน และคณะวิทยากรจากธนาคารฯ มีความเป็นมืออาชีพ ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของโครงการได้เป็นอย่างดี ทางกรมฯ จึงวางแผนขยายการอบรมความรู้ทางการเงินสู่หน่วยงานอื่น  อันได้แก่กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต  ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20,000 แห่งทั่วประเทศในปี 2565 โดยจะขอความร่วมมือจากทางธนาคารฯ ผู้เป็นมืออาชีพเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ทางการเงิน อันเป็นภารกิจที่ทางกรมฯ มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน ให้พี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาค ได้มีองค์ความรู้ทักษะในเรื่องการบริหารจัดการหนี้ และการวางแผนทางการเงินที่ดี”

ผู้บริหารธนาคารไทยเครดิตฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงการให้ความร่วมมือในอนาคตกับกรมการพัฒนาชุมชน โดยพร้อมลงพื้นที่นำความรู้ด้านการบริหารการเงินและการบริหารจัดการหนี้สิน สู่ชุมชนทั่วประเทศ ผ่านหลักสูตรตังค์โต Know-how  นอกเหนือจากการเปิดอบรมแบบเฟซบุ๊กไลฟ์ สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยของธนาคาร และผู้สนใจทั่วไป โดยได้ไลฟ์สดทุกวันพุธในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน อีกทั้งยังได้ตระเตรียมหลักสูตรการวางแผนการเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน  โดยเริ่มตั้งแต่วัยเริ่มต้นทำงาน จนกระทั่ง สร้างครอบครัว ถึงวัยเกษียณ โดยจะมีการอบรมผ่านไลฟ์สดทุกสิ้นเดือน ประเดิม 30 กันยายนศกนี้

“ธนาคารไทยเครดิตฯ เป็นธนาคารแรกที่เห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อย บุคคลตัวเล็ก ๆ ผู้ซึ่งเป็นฐานรากเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้ปรัชญา  Everyone Matters ใครไม่เห็น เราเห็น  ที่ธนาคารยึดมั่นมาโดยตลอด ที่มุ่งมั่นสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมให้ลูกค้าทุกคนมีความรู้และวินัยทางการเงิน อันเป็นอาวุธหลักที่จะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยนำไปปรับใช้และเอาตัวรอดในวิกฤตต่างๆ รวมถึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน” มร. รอย กล่าวปิดท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจหลักสูตรตังค์โต Know-how สามารถเข้าชมได้ที่เฟซบุ๊ก ตังค์โต Know-how by Thai Credit, เว็บไซต์ www.tcrbank.com หรือโทร.02-6975454 

#ตังค์โต #ตังค์โตknowhow #ไทยเครดิต #ThaiCredit #EveryoneMatters #กรมการพัฒนาชุมชน #CDD

อนึ่งหลักสูตรการเงินตังค์โต Know-how เป็นหลักสูตรที่ได้มาตรฐานตามหลักวิชาการโดยได้รับการรับรองจากคณะบัญชี                  ม.หอการค้าไทย สามารถวัดผลความพึงพอใจ และการมีประสิทธิภาพ ใน 3 แกน  ความพึงพอใจในเนื้อหาหลักสูตร จากการสำรวจพบว่าผู้เข้าอบรม มากกว่า 80% ชื่นชอบในเนื้อหาที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการ เรียนสนุก เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง 

พฤติกรรมของผู้เข้าอบรม ในส่วนลูกค้าธนาคาร ได้วัดผลจากการชำระค่างวด ตั้งแต่ก่อนเข้าอบรมและหลังการอบรม ผลสำรวจหลังการอบรมพบว่า มากกว่า 90% ผู้เข้าอบรมมีการชำระค่างวดในขั้นที่ดีเยี่ยม ไม่ผิดค้างชำระ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาของหลักสูตรกระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงการมีวินัยทางการเงินที่ดี และในส่วนของผู้เข้าอบรมที่ยังไม่ใช่ลูกค้า ธนาคารได้

แสดงถึงการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างแท้จริง ที่ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ที่ไม่ใช่แค่การให้สินเชื่อเพื่อไปทำทุน แต่ยังมอบความรู้ทางการเงินเพื่อให้สามารถหาตังค์ เก็บตังค์ ต่อยอดตังค์ ได้

การขยายการเติบโตของธุรกิจ โดยวัดผลจากการนำความรู้ที่ได้รับ ไปประยุกต์ใช้ดำเนินธุรกิจ จนสามารถขยายการเติบโตของธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีผู้เข้าอบรมที่เคยได้รับวงเงินสินเชื่อขนาดนาโน และนำเงินที่ได้ผนวกกับความรู้ที่ได้อบรมจนทำให้ธุรกิจขยายเติบโต สามารถขอสินเชื่อในระดับไมโคร ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเนื้อหาหลักสูตรที่สอน ทำให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และยังได้ตระหนักถึงการมีวินัยทางการเงิน เพื่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแท้จริง