ธ.ก.ส. ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งส์ สูงสุดที่ AAA (tha) และ F1+ (tha) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10

0
521


ธ.ก.ส. ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจาก ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ ที่ระดับสูงสุด ‘AAA (tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิต Stable และระยะสั้นที่ ‘F1+ (tha)’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มั่นคง และมีเสถียรภาพ เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดี และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐและพัฒนาภาคเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตของ ธ.ก.ส. โดยคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ที่ระดับ ‘AAA (tha)’ แสดงถึงความน่าเชื่อถือสูงสุดและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุด แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+ (tha)’ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถสูงสุดในการชำระคืนเงินกู้ตามกำหนดและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุด รวมถึงมีสภาพคล่องแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุดสำหรับการจัดอันดับเครดิตในประเทศ

ในการจัดอันดับเครดิตของ ธ.ก.ส. นั้น ฟิทช์เรทติ้งส์ ระบุว่า ด้วยสถานะทางกฎหมายของ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปกติแก่ ธ.ก.ส. อย่างทันท่วงทีในกรณีที่มีความจำเป็น อาทิ การเพิ่มทุนและการค้ำประกันเงินกู้ยืม เป็นต้น นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเป็นธนาคารที่มีบทบาทในเชิงนโยบายที่สำคัญต่อรัฐบาล อันเป็นบทบาทเฉพาะตัวที่มีความเกี่ยวข้องกับภาคเกษตรและการพัฒนาชนบท ซึ่งธนาคารมีความชำนาญและได้ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชน โดยเฉพาะในช่วงสภาวะวิกฤต อาทิ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งการจัดอันดับเครดิตนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพทางเครดิตและประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการองค์กรที่ดีในการจัดการทางการเงิน และขับเคลื่อนภารกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในฐานะสถาบันการเงินที่สนับสนุนเงินทุนและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตรของไทยไปสู่ความยั่งยืน