ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2567 กำไร 38,104 ล้านบาท

0
70


นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3 ปี 2567 ยังมีภาพการฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง และการใช้จ่ายของภาคเอกชน ทั้งในส่วนของการลงทุนและการบริโภคของครัวเรือนที่มีแรงกดดันจากด้านต้นทุน ภาระหนี้สิน รวมถึงกระแสรายได้ที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2567 แม้เศรษฐกิจไทยน่าจะสามารถประคองแนวโน้มการขยายตัวได้ แต่ต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมและความผันผวนของค่าเงินบาท ตลอดจนแนวโน้มการชะลอตัวของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสัญญาณการฟื้นตัวช้าของการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งยังคงเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร


ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่าง ๆ ธนาคารกสิกรไทยยังคงมุ่งเน้นการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน
ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 11,965 ล้านบาท ลดลงจำนวน 688 ล้านบาท หรือ 5.43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ เกิดจากการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ส่วนใหญ่จากธุรกิจประกัน
อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมรับของบริการการค้าระหว่างประเทศ และค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ประกอบกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังคงฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง และธนาคารมีการยกระดับกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ 3.61% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่เพิ่มจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกองทุนแห่งหนึ่งซึ่งส่งผลต่อธนาคารเพียงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการดังกล่าว อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 21,501 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนจากการที่ธนาคารยังคงบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) มีจำนวน 11,652 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ
สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 85,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,861 ล้านบาท หรือ 4.75% เป็นผลจาก
รายได้จากการดำเนินงานสุทธิเติบโตจำนวน 7,501 ล้านบาท หรือ 5.29% สูงกว่าค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 3,640 ล้านบาท หรือ 6.02% ตามการขยายตัวของปริมาณธุรกิจ แม้ว่าการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จะลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงตั้งสำรองฯ ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง รองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ จึงได้ตั้งสำรองฯ สำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 11,652 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิมีจำนวน 38,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,087 ล้านบาท หรือ 15.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 149,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7,501 ล้านบาท หรือ 5.29% โดยมีรายการหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่มีจำนวน 113,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,436 ล้านบาท หรือ 3.14% ตามภาวะตลาด โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ออกมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง และลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ 3.66% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 24,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,178 ล้านบาท หรือ 4.98% เติบโตหลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการบริหารความมั่งคั่งผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งของธนาคารและบริษัทย่อย รวมทั้งพันธมิตร และค่าธรรมเนียมรับจากการให้บริการด้านเครดิต นอกจากนี้ มีการเพิ่มขึ้นของกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และรายได้จากการลงทุน รวมทั้งรายได้จากการปริวรรตเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 36,229 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจำนวน 4,065 ล้านบาท หรือ 12.64% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 64,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,640 ล้านบาท หรือ 6.02% จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มตามการขยายตัวของปริมาณธุรกิจ โดยธนาคารและบริษัทย่อยยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.95% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน


ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,367,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 83,469 ล้านบาท หรือ 1.95% หลัก ๆ จากรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินด้านสินทรัพย์มีจำนวน 663,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 94,449 ล้านบาท หรือ 16.60% จากการบริหารสภาพคล่องของธนาคาร อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิมีจำนวน 2,321,531 ล้านบาท ลดลงจำนวน 49,961 ล้านบาท หรือ 2.11% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดับกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพสะท้อนการบริหารความสมดุลของความเสี่ยงและผลตอบแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวังรอบคอบ สำหรับเงินให้สินเชื่อธุรกิจที่ไม่มีหลักประกันบางส่วนที่หยุดดำเนินการ ธนาคารจึงมีแผนการขายในอนาคตและได้โอนย้ายไปเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รวมทั้งมีแผนให้บริษัทย่อยของธนาคารจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว สำหรับเงินรับฝากมีจำนวน 2,770,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 70,558 ล้านบาท หรือ 2.61% ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 87.85% ทั้งนี้ หากไม่รวมปริมาณเงินรับฝากที่เพิ่มในระยะสั้น อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.20% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น และพิจารณาดำเนินการตั้งสำรองฯ อย่างเพียงพอตามหลักความระมัดระวัง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ 150.72% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20.58%

KASIKORNBANK announced the nine-month period of 2024 net profit of Baht 38,104 Million
Ms. Kattiya Indaravijaya, Chief Executive Officer of KASIKORNBANK, said Thailand’s economic activity in the third quarter of 2024 showed an uneven recovery, particularly in the manufacturing sector which faces structural issues, and in private spending where both investment and household consumption are under pressure from rising costs, debt burdens, and incomes that have not returned to their normal levels. For the rest of 2024, although the Thai economy is expected to maintain its growth path, attention must be paid to the impacts of flooding and fluctuations in the Thai baht, as well as the slowdown in major global economies, geopolitical tensions, and the slow recovery in domestic spending, all of which pose risks to Thailand’s economy going forward.
Amidst the challenges of various factors, KBank continues to focus on 3+1 strategic priorities to deliver sustainable value to all stakeholders in unpredictable economic environment.
In the third quarter of 2024, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 11,965 million, a decrease of Baht 688 million or 5.43% compared with the preceding quarter, mainly due to a decrease in non – interest income, mostly from the insurance business. However, net fees and service income increased, partly due to fees from international trade services and brokerage fees. Additionally, net interest income slightly decreased compared with the preceding quarter, due to uneven overall economic recovery along with revamping credit process to increase efficiency in granting quality new loans. Net interest margin ratio stood at 3.61%, decreased from the preceding quarter, as a result of net earning assets from transactions related to the management of a particular fund, which had a short-term impact on the Bank. However, excluding these transactions, net interest margin ratio remained at a level similar to the preceding quarter. Others operating expenses of Baht 21,501 million, slightly decreased from the preceding quarter due to the Bank’s ongoing expense management and operational efficiency enhancements. KBank and its subsidiaries set aside for expected credit loss (ECL) of Baht 11,652 million, which was in line with the preceding quarter, and in alignment with the ongoing prudent approach that ECL was at suitable level, reflecting the current situation and supporting uncertainties of various factors including fluctuations in the global economy that may affect the economic environment.
Operating performance for the nine-month of 2024, KBank and its subsidiaries reported operating profit before expected credit loss and income tax expense of Baht 85,159 million, an increase of Baht 3,861 million or 4.75%. This growth was driven by an increase in net operating income of Baht 7,501 million or 5.29%, which was higher than an increase in other operating expenses of Baht 3,640 million or 6.02%, in line with business volume expansion. Although the expected credit loss (ECL) decreased compared with the same period of 2023, the Bank and its subsidiaries set aside ECL with the ongoing prudent approach and supporting uncertainties of various factors that may affect the economic situation. Therefore, ECL for the third quarter was Baht 11,652 million, which was an approximate to the preceding quarter. As a result, net profit was Baht 38,104 million, an increase of Baht 5,087 million or 15.41% from the same period of 2023.
KBank Profit Q324 page 1 from 2
Net operating income was Baht 149,260 million, an increase of Baht 7,501 million or 5.29%, mainly from net interest income of Baht 113,031 million, an increase of Baht 3,436 million or 3.14%, in line with market conditions. Recently, the Bank has implemented various measures, including reducing interest rates on loans to assist vulnerable customers and customers affected by flooding in many areas, aiming to alleviate their hardships so they can recover more swiftly. Net interest margin ratio stood at 3.66%. Net fees and service income was Baht 24,809 million, an increase of Baht 1,178 million or 4.98%, mainly due to fees from wealth management through the offering of comprehensive financial products from the Bank and its subsidiaries, as well as partners, and fees from credit services. Additionally, there was an increase in gains from financial instruments measured at fair value through profit or loss and investment income, along with increased revenue from foreign exchange transactions which were in line with the recovery of tourism. This resulted in non – interest income of Baht 36,229 million, an increase of Baht 4,065 million or 12.64%. Meanwhile, other operating expenses was Baht 64,101 million, an increase of Baht 3,640 million or 6.02%, due to employee expenses, IT-related expenses to support the expansion of customer service channel and marketing expenses in line with the increase in revenue, which were driven by business volume expansion. The Bank and its subsidiaries continue focusing on effective expense management and continuous operational efficiency improvements. As a result, cost to income ratio stood at 42.95%, similar to the same period of 2023.
As of 30 September 2024, KBank and its subsidiaries’ total assets were Baht 4,367,025 million, an increase of Baht 83,469 million or 1.95% over the end of 2023. Most of an increase came from interbank and money market items (Assets) of Baht 663,457 million, an increase of Baht 94,449 million or 16.60%, as a result of KBank’s liquidity management. However, net loans was Baht 2,321,531 million, a decrease of Baht 49,961 million or 2.11% due to uneven overall economic recovery and along with the revamping credit process to increase efficiency in granting quality new loans in order to reflect an appropriate risk and return level. Additionally, in alignment with the Bank’s policy of prudently managing assets quality for maximum efficiency, the part of unsecured business loan which ceased operation, the Bank has a plan to sell in the future and reclassified this part as financial assets measured at fair value through profit or loss. Furthermore, the Bank’s subsidiary plan to establish a joint venture with Bangkok Commercial Asset Management Public Company Limited (BAM) to operate under an aim of managing non-performing assets, as previously disclosed to the Stock Exchange of Thailand. Deposits was Baht 2,770,120 million, an increase of Baht 70,558 million or 2.61%, resulting in a loans to deposits ratio of 87.85%. Excluding the short-term increase in deposits, loans to deposits ratio was an approximate to the previous quarter. NPL gross to total loans was 3.20%, which was slightly increased compared with the previous quarter. However, the Bank continues to closely monitor loans quality in light of the recent flooding situation and considers setting aside adequate ECL with prudent approach, resulting in coverage ratio of 150.72%. In addition, as of 30 September 2024, KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE’s Capital Adequacy Ratio (CAR) according to the Basel III Accord remained strong at 20.58%.