ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ปี 66 กำไร 21,735 ล้านบาท

0
515

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2 ปี 2566 ขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ภาพการฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวทั่วถึง เนื่องจากรายได้จากภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยแรงกดดันจากปัญหาค่าครองชีพและภาระหนี้สินยังคงมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ประกอบกับการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับในช่วงที่เหลือของ ปี 2566 นั้น แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอาจประคองทิศทางการเติบโตได้ แต่แนวโน้มในภาพรวมยังคงเปราะบางและยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะปัจจัยทางการเมืองในประเทศ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ สัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบต่อประเด็นคุณภาพหนี้ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศทยอยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานสำหรับงวดแรก ปี 2566 เปรียบเทียบกับงวดแรก ปี 2565
ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,735 ล้านบาท ลดลง 1.22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารยังคงดำเนินการตามหลักความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอในการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ตามแนวทางที่ธนาคารมีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการลูกค้าธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่งที่เริ่มมีสัญญาณความเสื่อมถอยในไตรมาสก่อน และได้มีสำรองฯ ครบถ้วนแล้วในไตรมาส 1 ปี 2566 โดยแม้สินเชื่อดังกล่าวถูกจัดเป็นสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตในไตรมาส 2 ธนาคารก็ยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเตรียมการมาก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สำรองฯ ในไตรมาส 2 นี้ แม้ว่ายังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32.77% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่มีความใกล้เคียงกับที่ธนาคารได้ประมาณการไว้ก่อนหน้า เพื่อรองรับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ยังส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระจายตัวทั่วถึง และส่งผลต่อลูกค้าบางกลุ่มที่ยังมีความเปราะบาง โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 54,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของธนาคารและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ร่วมกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 12.25% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อใหม่
ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.54% แม้ว่าจะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอัตราปกติในอัตรา 0.46% นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 25.64% หลัก ๆ จากมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 14.61% สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มตามปริมาณธุรกิจ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.94% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,994 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ไตรมาสก่อน 2.36% สำหรับกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 27,223 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นหลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตขึ้น ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ 43.37% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 42.50%
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,268,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 21,731 ล้านบาท หรือ 0.51% หลัก ๆ เกิดจากรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ และเงินลงทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง หลัก ๆ จากการดำเนินการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การขายหนี้ การตัดหนี้สูญ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อใหม่ยังคงเติบโตในกลุ่มลูกค้าตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.20% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 147.31% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.01% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 17.04%

KASIKORNBANK announced the first half of 2023 net profit of Baht 21,735 Million

Ms. Kattiya Indaravijaya, Chief Executive Officer of KASIKORNBANK, said although Thai economic activity continued to expand in the second quarter of 2023, the recovery remained uneven. This was because tourism receipts recovered only within a certain limit, while the high cost of living and debt burden still pressured household spending. In addition, merchandise exports continued to contract. For the remainder of 2023, although the Thai economy might continue to grow, the overall trend remains fragile, and many factors must be monitored, especially domestic politics, economic policies of the new government, signs of a global economic slowdown, and asset quality issues following the gradual increase in domestic interest rates over the past several months.
Operating performance for the first half of 2023 compared with the first half of 2022,
KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 21,735 Million, a decrease of 1.22% over the same period of 2022. KBank continues to set aside expected credit loss (ECL) under consistently prudent approach in line with continuous proactive asset quality management. One of large corporate customers, which had credit deterioration since the first quarter of 2023 and ECL had already been reserved, were already classified as credit impaired loans in this quarter. With the advance preparation, the Bank’s financial status remains strong. ECL in the second quarter remained at a high level, almost the same as the preceding quarter, and ECL in the first half of 2023 increased by 32.77% over the same period of 2022. The Bank had high ECL to readily cope with global economic slowdown and various economic factors that may affect uneven Thailand’s economic recovery and some groups of customers that will likely remain on an uneven path. Operating profit before expected credit loss and income tax expense was amounting to Baht 54,004 Million, an increase of 15.73% over the same period of 2022, mainly from the Bank’s strategy, the rising interest rate trend resulting in strong net interest income growth and the consistently efficient expense management.
Net interest income increased by 12.25% due to rising interest rates and new loans expansion in line with the Bank’s strategic direction. Although there was an increase in the funding cost resulting from an increase in the rate of contribution to Financial Institution Development Fund to its normal level of 0.46%, NIM stood at 3.54%. Non-interest income increased by 25.64% mainly due to the increase in mark to market of financial instruments measured at fair value through profit or loss according to market condition. However, other operating expenses increased by 14.61%, in line with an increase in operating income, which were driven by business activities and partly from an increase in employee expenses from one-time cost of living subsidy measures. As a result, cost to income ratio stood at 42.94% that was an approximate to the same period of 2022.

Operating performance for the second quarter of 2023 compared with the first quarter of 2023,
KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 10,994 Million, an increase of 2.36% compared with the first quarter of 2023. Operating profit before expected credit loss and income tax expense amounting to Baht 27,223 Million that was an approximate to the preceding quarter. Operating income increased mainly due to an increase in net interest income. Other operating expenses increased from customer service expenses. As a result, cost to income ratio stood at 43.37%, almost the same as the preceding quarter that stood at 42.50%.
As of 30 June 2023, KBank and its subsidiaries’ total assets were Baht 4,268,100 Million, an increase of Baht 21,731 Million or 0.51% over the end of 2022. The majority came from an increase in net interbank and money market and net investments, while net loans decreased mainly due to non-performing loans management such as debt restructuring, sale of loans, written-off loans, etc. However, new loans continued to grow in line with the Bank’s business direction. NPL gross to total loans stood at 3.20% and coverage ratio stood at 147.31%. In addition, as of 30 June 2023, KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE’s Capital Adequacy Ratio (CAR) according to the Basel III Accord remain strong at 19.01%, with a Tier 1 Capital ratio of 17.04%.