ทีทีซีแอล จับมือ แบล็ควูด เทคโนโลยี เนเธอร์แลนด์ เปิดโรงงานต้นแบบพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ครั้งแรกในไทย

0
1119

ทีทีซีแอล และ แบล็ควูด เทคโนโลยี จากเนเธอร์แลนด์ผสานความร่วมมือประกาศเปิดโรงงานต้นแบบที่ผลิตและปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดอีกขั้นในไทย ด้วยกระบวนการทอร์รีแฟกชัน (Torrefaction) ลิขสิทธิ์เฉพาะของ แบล็ควูด เทคโนโลยี ที่ชื่อว่า “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ภายใต้งบลงทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการพัฒนาคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดในไทย เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ช่วยลดการใช้ถ่านหินเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และเชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมเสริมศักยภาพการแข่งขันแก่ภาคธุรกิจด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ โดย บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อผุดโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำเพื่อการพาณิชย์แห่งแรกในไทย

นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ ทีทีซีแอล กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าก่อสร้างโรงงานต้นแบบที่ล้ำหน้าขึ้นอีกขั้น เพื่อพัฒนาคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดโดยใช้กระบวนการทอร์รีแฟกชัน (Torrefaction) ภายใต้เทคโนโลยี “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของแบล็ควูด เทคโนโลยี ที่พร้อมจะเปลี่ยนชีวมวลคุณภาพต่ำภายในประเทศไทยให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดชนิดทอริไฟด์ (Torrefied pellets) ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ (Black pellets) หรือถ่านชีวภาพ (Bio-coal) ทั้งนี้ การก่อสร้างโรงงานต้นแบบในครั้งนี้ พัฒนาขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1. เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีแฟลชทอร์ (FlashTor®) อย่างเป็นรูปธรรมให้ลูกค้าเป้าหมายและบริษัทผู้พัฒนาโครงการเชื้อเพลิงชีวมวลได้เห็นถึงประสิทธิผลของกระบวนการแบบครบวงจร และ 2. เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำในปริมาณที่เพียงพอที่จะให้กลุ่มผู้ลูกค้าได้เห็นถึงศักยภาพของเชื้อเพลิงชนิดนี้ และวางแผนทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมต่อไป

“การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ (Black pellets) ถือเป็นการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้ทดแทนการใช้ถ่านหิน โดยการพัฒนาโรงงานต้นแบบในครั้งนี้ จะช่วยให้ทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้ใช้งานได้เห็นถึงประสิทธิผลและความยั่งยืนของห่วงโซ่การลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างครบวงจร ลดข้อกังวลของทั้ง 2 ฝ่ายที่มีมาก่อนหน้า ในฝั่งของผู้ซื้อก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้พลังงานชีวมวลที่ผลิตโดยเทคโนโลยี “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ในขณะที่ฝ่ายผู้ผลิตก็กังวลว่าหากลงทุนสร้างโรงงานปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลด้วยกระบวนการทอร์รีแฟกชันแล้วจะมีกำลังซื้อระยะยาวหรือไม่ ดังนั้นการพัฒนาโรงงานต้นแบบจะสามารถแก้ข้อกังวลดังกล่าวได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญโรงงานแห่งใหม่นี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงพันธสัญญาในการพัฒนาธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ (black pellets) ในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย โดยตั้งเป้าการดำเนินงานระยะแรกในไทยโดยการมุ่งพัฒนาโรงงานเพื่อการพาณิชย์ 6 แห่ง กำลังการผลิตรวมประมาณ 450,000 ตันต่อปี โดยแต่ละแห่งในประเทศไทยมีกำลังการผลิตประมาณ 75,000 ตันต่อปี” นายฮิโรโนบุ อิริยา อธิบายเพิ่มเติม

ด้านนายมาร์เทน แฮร์รีเบิร์จ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบล็ควูด เทคโนโลยี กล่าวว่า แบล็ควูด เทคโนโลยีได้ร่วมเทคโนโลยี่การออกแบบก่อสร้างโรงงานต้นแบบที่มีความหยืดหยุ่นสูงทั้งในแง่ของวัตถุดิบที่หลากหลาย และ ด้านการผลิตเพื่อแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” สามารถแปรรูปชีวมวลได้หลากหลายชนิด ทั้งชีวมวลจากไม้และเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยโครงการนี้เป็นผลงานครั้งแรกภายใต้การร่วมมือกับทีทีซีแอล ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีการปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลด้วยกระบวนการทอร์รีแฟกชันที่ดีที่สุดของแบล็ควูด เทคโนโลยี มาผสมผสานเข้ากับความชำนาญและประสบการณ์อันยาวนานของทีทีซีแอลในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการก่อสร้างโรงงานแบบครบวงจร (Engineering, Procurement and Construction—EPC) ชั้นนำในประเทศไทย อีกทั้งมีความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ

นายมาร์เทน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากแผนการของทีทีซีแอลที่จะเปิดโรงงานเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ (Black pellets) เพิ่มเติมในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนแล้ว แบล็ควูด เทคโนโลยียังได้เจรจากับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสนใจในเทคโนโลยี “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้กระบวนการทอร์รีแฟกชันด้วยเช่นกัน

โดยบริษัทฯ ได้นำความโดดเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวซึ่งประกอบด้วย 1. ความสามารถที่จะขยายกำลังการการผลิตได้ในระดับสูง (Scalability) โดยยังคงไว้ซึ่งความคุ้มค่าในการลงทุน ในขณะที่เทคโนโลยีอื่นทำได้ยาก 2. การควบคุมกระบวนการผลิต (Process Control) ที่ดีจะทำให้การใช้วัตถุดิบและพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทำให้กระบวนการทอร์รีแฟกชันเกิดขึ้นอย่างสมบรูณ์ ลดการสูญเสียในการผลิต และ 3. กระบวนการผลิตที่ปลอดภัย (Safe operation) ทำให้สามารถควบคุมการกระบวนการผลิตได้ดีและยังช่วยให้มีปลอดภัยสูง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตระดับอุตสาหกรรม จึงมั่นใจได้ว่าทุกกระบวนการของการผลิตนั้นมีความปลอดภัย เพื่อสร้างการยอมรับให้เกิดขึ้นและการยอมรับนี้เองจะเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี “แฟลชทอร์ (FlashTor®)” ของเรา”