‘ทิพยประกันภัย’ ออกกรมธรรม์”ประกันภัยโรคร้ายแรงจาก PM 2.5″ เพื่อให้ความคุ้มครองประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นที่สูงเกินมาตรฐาน จ่ายค่าชดเชย ป่วยปุ๊บจ่ายปั๊บไม่รีรอ เริ่มต้นเพียง 216 บาทต่อปี จ่ายชดเชยสูงสุดถึง 2 แสนบาท
ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในภาวะที่ประเทศไทยต้องประสบปัญหากับ ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่สูงเกินระดับค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้เกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคร้ายแรงทั้งทางระบบทางเดินหายใจ หัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ บมจ.ทิพยประกันภัย จึงได้ออกกรมธรรม์ ราคาถูก เริ่มต้นเพียง 216 บาทต่อปี เพื่อคุ้มครองโรคร้ายแรง ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ตามนโยบายของบริษัทฯที่เราห่วงใยทุกชีวิตในสังคมมาโดยตลอด
สำหรับรูปแบบกรมธรรม์ “ประกันภัยโรคร้ายแรงจาก PM 2.5” จะมีราคาถูก เบี้ยเริ่มต้นเพียง 216 บาทต่อปี (เบี้ยเปลี่ยนแปลงตามอายุ) ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 200,000 บาท สามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 20- 60 ปี โดยกรมธรรม์ดังกล่าว จะให้ความคุ้มครองโรคร้ายที่อาจเกิดจาก PM 2.5 หรือจากสาเหตุอื่นๆพร้อมชดเชยง่ายๆแบบ เจอปุ๊บจ่ายปั๊บ อาทิ โรคหลอดเลือดในสมอง , โรคมะเร็งปอด , โรคปอดอุดตันเรื้อรัง และโรคหัวใจขาดเลือด (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) สามารถซื้อกรมธรรม์ เพื่อรับความคุ้มครองได้ โทร 1736 หรือ www.Tipinsure.com และทิพยประกันภัย ทุกสาขาทั่วประเทศ
ดร.สมพร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบข้อมูลของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5ไมครอน มีอันตรายและมีผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับฝุ่นละอองในระยะยาว เพราะสามารถแพร่กระจายสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมกระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2556 เป็นสาเหตุ 1 ใน 8 ของประชากรโลกที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง ,โรคปอดอุดตันเรื้อรัง,โรคมะเร็งปอด ,โรคหัวใจขาดเลือด ,โรคติดเชื้อเฉียบพลัน ในระบบหายใจส่วนล่าง จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“ที่ผ่านมาทิพยประกันภัยได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้น โดยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นฝอยละอองน้ำบนดาดฟ้า อาคารสำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 3 เพื่อช่วยดักจับและลดค่าฝุ่นละอองแล้วนั้น ปัจจุบันปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานยังคงปกคลุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนที่สูดดมเข้าไปสะสมในร่างกาย ซึ่งทำให้ประชาชนต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปได้” ดร.สมพร กล่าวในที่สุด