ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น หมายเลขทะเบียน 30-0288 กาฬสินธุ์ นำ อสม.และประชาชนจากจังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางไปพัทยา จังหวัดชลบุรี เฉี่ยวชนกับรถยนต์พ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) หมายเลขทะเบียน 82-3913 ลพบุรี ส่วนพ่วง (ตัวพ่วง) หมายเลขทะเบียน 82-3949 ลพบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 7 ราย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 49 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 บริเวณถนน 304 สี่แยกไฟแดงตัดใหม่นากลาง ตำบลไชยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เบื้องต้น เลขาธิการ คปภ. ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และสายกลยุทธ์องค์กรบูรณาการการทำงานร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค โดยสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ติดตามและตรวจสอบการจัดทำประกันภัยของรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ และรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่ประสบอุบัติเหตุ ว่า มีการทำประกันภัยประเภทใดไว้บ้าง เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการนำระบบประกันภัยเข้าไปเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ว่า รถทัวร์โดยสารปรับอากาศหมายเลขทะเบียน 30-0288 กาฬสินธุ์ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 638040195900003 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2564 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 6330129747 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 เมษายน 2564 โดยคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ของบุคคลภายนอก 300,000 บาท/คน 10,000,000 บาท/ครั้ง ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 600,000 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลกรณีสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 44 คน) 50,000 บาท/คน ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาท/คน ประกันตัวผู้ขับขี่ 100,000 บาท
สำหรับรถยนต์พ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) หมายเลขทะเบียน 82-3913 ลพบุรี ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 5GCTP4033756 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 5G-VMF-6088022 เริ่มคุ้มครองวันที่ 14 มีนาคม 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 14 มีนาคม 2564 โดยคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ของบุคคลภายนอก 300,000 บาท/คน 10,000,000 บาท/ครั้ง ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 600,000 บาท และคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย 750,000 บาท สูญหาย/ไฟไหม้ 750,000 บาท ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลกรณีสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 2 คน) 100,000 บาท/คน ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท/คน ประกันตัวผู้ขับขี่ 5,850,000 บาท/ครั้ง และรถยนต์พ่วง (ตัวพ่วง) หมายเลขทะเบียน 82-3949 ลพบุรี จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 5GCTP5411934 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2564
จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต จำนวน 7 ราย แยกเป็นผู้โดยสารรถทัวร์ปรับอากาศ จำนวน 6 ราย เบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 550,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 50,000 บาท สำหรับผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นผู้ขับขี่รถทัวร์โดยสารปรับอากาศ ในเบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 85,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 50,000 บาท สำหรับผู้บาดเจ็บเป็นผู้โดยสารรถทัวร์ปรับอากาศ ทั้งสิ้นจำนวน 49 ราย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเทพรัตน์ โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โรงพยาบาลค่ายสุรนารี โรงพยาบาลปักธงชัย และโรงพยาบาลมหาราช ซึ่งมีบางส่วนกลับบ้านแล้ว โดยในเบื้องต้นผู้บาดเจ็บจะได้รับสิทธิค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 130,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท โดยสำนักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเข้ารับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลที่รับรักษาโดยตรงเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยรถยนต์นอกเหนือจากนี้ ต้องรอผลคดีจากพนักงานสอบสวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาทและหากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้อีกด้วย นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมาได้ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการประกันภัย ณ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา รวมทั้งประสานงานกับสำนักงาน คปภ. ภาค 5 (อุบลราชธานี) เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยแก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยโดยเร็วต่อไป
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว รวมทั้งมีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชนควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและกรมธรรม์ประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย