ดร.กฤษฎา เสกตระกูล กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการ บสส. เพื่อดูแลการบริหารงานของ SAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศมายาวนานกว่า 20 ปี ที่ผ่านมา SAM ได้ให้การช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในภาคธุรกิจ และภาคประชาชนรายย่อย ให้สามารถกลับไปดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติมาแล้วรวมกว่า 50,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้มากกว่า 300,000 ล้านบาท รวมถึงยังช่วยส่งคืนอสังหาริมทรัพย์รอการขาย (NPA) กลับคืนเข้าสู่ระบบด้วยการขายให้กับนักลงทุน และประชาชนทั่วไป ให้นำไปพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วเป็นมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ SAM ยังช่วยส่งเงินสดคืนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไปแล้วเป็นจำนวนรวมกว่า 250,000 ล้านบาท และในช่วงเวลาที่ผ่านมา SAM ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศผ่าน โครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งหากนับจากการเปิดโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 50,000 ราย ทำให้วันนี้ประชาชนที่ตกอยู่ในความยากลำบากจากการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล มีทางออกในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อปัญหาภาระหนี้สินคลี่คลายก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตและครอบครัวของประชาชนดีขึ้น และมีผลในเชิงบวกโดยตรงต่อความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป
ดร. กฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการของ SAM ในช่วงเวลานี้ นับเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศและของโลกอยู่ในภาวะถดถอยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อประชาชนและภาคธุรกิจรุนแรงและยาวนาน โดยเฉพาะตัวเลขหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงได้มอบนโยบายให้ SAM ในฐานะที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของภาครัฐให้ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้นคืนกลับมาโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังได้วางภารกิจให้ SAM เป็นศูนย์กลางการให้ความรู้เพื่อบริหารหนี้สำหรับภาคประชาชนและธุรกิจ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังเดือดร้อนควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบายระยะยาวในการให้ความช่วยเหลือแก่สังคม โดยเน้นการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารจัดการทางการเงินในระดับครัวเรือน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน