“กิฟฟารีน” สร้างสีสันตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพ ดึงครอบครัวสายฟิต “ดีน” แมทธิว-ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ และลูกๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์ “กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” และ “กิฟฟารีน แคลซีน ไฮท์ พลัส” สำหรับเด็ก หวังช่วยปลุกกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ทุกเจนเนอเรชั่น และกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20% หรือแตะ 150 ล้านบาทในสิ้นปี 66 หลังพบตลาดขยายตัวพุ่งไม่หยุด ย้ำชัดเตรียมรุกตลาดสินค้าสุขภาพสายวีแกน แม้จะแข่งดุเดือดก็ตาม
นายพงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการทำธุรกิจปี 2566 ว่า กิฟฟารีนยังคงเน้นสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามเป็นหลัก หลังพบมีโอกาสในการทำตลาด สร้างยอดขาย และผลกำไรสูง เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ทุกเจนเนอเรชั่นมีความต้องการสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพและความงามมากขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นความสำคัญของการรับประทานโปรตีน เพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันให้สามารถต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้น ดังนั้นในส่วนของผลิตภัณฑ์เรือธงของกิฟฟารีน คือ “กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” และ “กิฟฟารีน แคลซีน ไฮท์ พลัส” สำหรับเด็ก ปีนี้จะบุกเต็มสูบ ด้วยการดึงครอบครัวดีน แมทธิว-ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ และลูกๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ให้เติบโตไม่น้อยกว่า 15-20% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 130-150 ล้านบาทในสิ้นปี 2566
“บริษัทฯ มองว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นเรือธง และเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Best Seller ที่ผลิตจากโรงงานของกิฟฟารีน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด 2565 ประเภทสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพดีเด่น จะสามารถต่อยอดในการขยายตลาดกลุ่มแพลนท์โปรตีน และแคลเซียมพลัสวิตามินที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของเด็กๆ รวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสุขภาพของครอบครัวได้ ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวดีน ซึ่งเป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในเจนเนอเรชั่นที่ให้ความสำคัญกับความแข็งแรงของร่างกาย ชอบการออกกำลังกาย ชอบกิจกรรม outdoor และมีความสนใจในโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของตนเองและลูกๆ จึงเชื่อว่าการเลือกครอบครัวดีนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จะเป็นต้นแบบของครอบครัวยุคใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้า และช่วยสร้างการรับรู้ในคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน และผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน แคลซีน ไฮท์ พลัส สำหรับเด็ก รวมถึงช่วยกระตุ้นยอดขายทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จ”
แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรตีน หรือแพลนท์โปรตีนในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตลาดขยายใหญ่ขึ้น หลัง Post-Covid ประกอบกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก และเลือกรับประทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายมากขึ้น การทำตลาดของทุกค่ายทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลาง รายเล็กก็ตื่นตัวในการรุกขยายตลาดสินค้าสุขภาพสายวีแกน และออกแบบสินค้าของตนเองให้โดนใจผู้บริโภคในหลากหลายเจนเนอเรชั่นมากขึ้น ซึ่งในส่วนของกิฟฟารีน มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ “กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” ทั้ง 2 สูตร 2 รสชาติ คือ สูตรออริจินัล และสูตรหวานน้อย ให้โปรตีนสูงถึง 11 กรัม/ซอง มี BCAAs (Branched-chain amino acids) สูงถึง 1951 มก./ซอง มีแคลเซียม และวิตามินดีสูง ไม่มีแลคโตส ไม่มีไขมัน และโคเลสเตอรอล ไม่ใส่น้ำตาล ใช้อิริทริทอลเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ให้พลังงานต่ำเพียง 50 Kcal/ซอง ออกแบบมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ตรงจุดและตรงความต้องการที่สุด สามารถดื่มได้ทุกวัน ดื่มได้ทั้งครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการคุณประโยชน์ของโปรตีนจากพืช และกำลังมองหาผลิตภัณฑ์วีแกนเสริมโปรตีนให้กับร่างกาย
นายพงศ์พสุ กล่าวต่อว่า ปีนี้นอกจากบริษัทฯ จะบุกทำตลาดสินค้าเรือธง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามเต็มสูบแล้ว ยังมุ่งพัฒนาช่องทางตลาดออนไลน์และออฟไลน์ต่อเนื่องด้วย เพื่อให้ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าครอบคลุมมากที่สุด และตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ทุกเจนเนอเรชั่นมากที่สุด พร้อมทำโครงสร้างราคาสินค้าใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ New Generation และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนได้ง่ายขึ้น
เกี่ยวกับ “กิฟฟารีน”
“ทุกครั้งที่คุณใช้กิฟฟารีน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา…ทุกครั้งที่คุณเชื่อมั่นในกิฟฟารีน นั่นคือ ความภูมิใจของเรา” กิฟฟารีนก่อกำเนิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการรับรองที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ด้วยปณิธานยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม “กิฟฟารีน” มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอันเกิดจากการวางแผนการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ แผนการขายที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน พร้อมทั้งการสนับสนุนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่พร้อมจะตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในระยะยาว ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” มีโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต ตลอดจนคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีที่สุด