ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจ ที่ต้องรีบปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ที่นับว่าได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรง หรือ Disruption หากแต่ท่ามกลางวิกฤติ ธุรกิจยังคงต้องดำเนินต่อไป พร้อมกับการปรับตัวที่ท้าทาย บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจเครือข่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายและฝ่าวิกฤตการณ์ จนได้รับการจัดอันดับในกลุ่มบริษัท ขายตรงชั้นนำของโลก 100 ลำดับที่มีผลประกอบการสูงที่สุดประจำปี 2020 (อ้างอิงจากผลประกอบการ ปี 2019) ซึ่งกิฟฟารีนเป็นบริษัทขายตรงแบรนด์ไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการรวมของปี 2019 สูงเป็นลำดับที่ 41 ของโลก ตอกย้ำความสำเร็จของธุรกิจเครือข่ายสัญชาติไทย และความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์สู่เวทีธุรกิจขายตรงในระดับสากล
นต. พญ. นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการจัดลำดับจากนิตยสาร Direct Selling News ในสหรัฐอเมริกา นิตยสารที่นำเสนอข่าวสารข้อมูลในอุตสาหกรรมขายตรงโลกในเชิงวิเคราะห์เจาะลึก และอัพเดทข่าวสารของบริษัทขายตรงชั้นนำทั่วโลก
กิฟฟารีนเป็นบริษัทขายตรงแบรนด์ไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการรวมของปี 2019 สูงเป็นลำดับที่ 41 โดยจะประกาศผลอย่างเป็นทางการในฉบับเดือนมิถุนายน 2020 โดยจากความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในปลายปี 2019 จนต่อยอดความสำเร็จวมาถึงไตรมาสแรกของปี 2020 ที่กิฟฟารีนสามารถสร้างยอดขายฝ่าวิกฤตโควิด-19 โดยยังสามารถสร้างยอดขายได้ตามแผนที่วางไว้ และสร้างความเชื่อมั่นและช่วยสร้างรายได้ให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ
ทั้งนี้กิฟฟารีนได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่สองของปี 2020 ที่เต็มไปด้วย ความท้าทายและสถานการณ์ที่เศรษฐกิจกำลังหดตัว อันได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดโรค โควิด-19 โดย ชูกลยุทธ์เน้นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอนามัยผู้บริโภคและนักธุรกิจกิฟฟารีน ด้วยผลิตภัณฑ์เจลและสเปรย์แอลกลออล์ 75% ที่เลือกใช้แอลกอฮอล์ Food grade เกรดที่ดีที่สุด พร้อมส่วนผสม ช่วยถนอมมือ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคจำเป็นและต้องการเพื่อใช้ป้องกัน และรักษาความสะอาด ลดความเสี่ยงในภาวะระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลร่างกายให้แข็งแรง และในส่วนของช่องทางการจำหน่าย ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing ด้วยการสนับสนุนและสร้างสังคมออนไลน์ หรือ Online Market Place ในกลุ่มนักธุรกิจกิฟฟารีน เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคกำลังใช้เป็นช่องทางหลักในการสั่งซื้อสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังผสมผสาน ทั้งออน์ไลน์ และ ออฟไลน์ อย่างเหมาะสมและปลอดภัย รวมถึงมีมาตรการดูแลและรักษาสุขอนามัยให้แก่ผู้ที่มาซื้อสินค้า และมาติดต่อกับบริษัทเป็นอย่างดี
นอกจากนี้เพื่อเป็นการร่วมให้กำลังใจและฝ่าวิกฤติโรคโควิด-19 กิฟฟารีน พร้อมรวมพลังให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางการแพทย์ ด้วยการบริจาคอุปกรณ์ป้องกัน อาทิ ชุด PPE หน้ากาก N95 และผลิตภัณฑ์ที่จำเป็น ส่งตรงไปตามโรงพยาบาลเล็กๆ 40 – 50 แห่ง ที่มีผู้ป่วยโควิด 19 และขาดแคลนอุปกรณ์เหล่านี้ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ