นายวิญญา สิงห์อินทร์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาแล้ว 48 ปี โดยที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศไปแล้วกว่า 742,000 หน่วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง รวมถึงผู้ด้อยโอกาสทางสังคมได้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในราคาที่สามารถรับภาระได้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคน
มีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)”
สำหรับโครงการบ้านสันติ 2 เป็นโครงการที่การเคหะแห่งชาติได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายระหว่างภาครัฐและเอกชน ได้แก่ ทีม One Home สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนตำบลงิ้วราย กิ่งกาชาดอำเภอตะพานหิน ร่วมกันพิจารณาครอบครัวในพื้นที่โครงการที่ดินแปลงโล่ง จำนวน 4 ครอบครัว จาก 669 แปลง และคัดเลือกเหลือเพียง 1 ครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนที่สุดให้ได้รับการช่วยเหลือ คือครอบครัวของนายณรง วงษ์พานิช เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีฐานะยากจน
และนายณรงซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ กอรป์กับที่อยู่อาศัยมีสภาพทรุดโทรดอย่างมาก ไม่มีเงินปรับปรุง/ซ่อมแซม เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอกับรายรับ การเคหะแห่งชาติจึงได้ทำการจัดสร้างที่อยู่อาศัยขึ้นใหม่ให้กับนายณรงและครอบครัว พร้อมประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นในเรื่องการขอระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการพร้อมใช้ให้แก่ครอบครัวของนายณรงอีกด้วย
สำหรับโครงการบ้านสันติ การเคหะแห่งชาติได้รับความร่วมมือจาก นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนเงินบริจาคเพื่อปรับปรุง/จัดสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในที่ดินแปลงโล่งของการเคหะแห่งชาติ จึงถือเป็นโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมหรือโครงการ CSR ที่ร่วมกันระหว่างการเคหะแห่งชาติ และภาคเอกชน ที่มีเจตนารมณ์เดียวกันคือ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะต้องเริ่มมาจากที่อยู่อาศัยที่มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย รวมทั้งมีสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดี อันจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนต่อไป