เคทีซีเผยสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เปราะบาง ยังคงกดดันการปล่อยสินเชื่อโดยภาพรวม จึงได้ปรับกระบวนการทำงานหลายมิติเพื่อเสริมประสิทธิภาพ ทำให้พอร์ตสินเชื่อเคทีซียังคงรักษาคุณภาพ และมีส่วนแบ่งตลาดที่สูงขึ้น โดยในช่วง 9 เดือน เคทีซีและกลุ่มบริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 5,549 ล้านบาท เดินหน้ารักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ ร่วมมือภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว อีกทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ปรับลดลงจากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคโดยภาพรวม อย่างไรก็ตาม เคทีซียังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่วางไว้ได้ พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตจะชะลอตัวลงบ้าง ส่วนหนึ่งจากผลของการปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรยังเติบโตดีต่อเนื่อง สำหรับพอร์ตสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ NPL Coverage Ratio อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเคทีซีได้ปรับกระบวนการทำงานให้ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง และมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ดีเสมอ ซึ่งเป็นรากฐานในการทำธุรกิจของเคทีซีมาโดยตลอด ทำให้สามารถสร้างผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราส่วนของหนี้ด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อยังอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่กำหนด และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“เคทีซียังร่วมมือกับภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL) โดยการพิจารณาให้สินเชื่อสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และต้องไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Severe Persistent Debt: SPD) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 จนถึงปัจจุบันมีลูกหนี้เคทีซีสมัครเข้าร่วมโครงการฯ คิดเป็นผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยจริงที่ 1.7% ของผลกระทบที่เคยประมาณการไว้ 18 ล้านบาทต่อเดือน หากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตประสบสาธารณภัย โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ หรือไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยเคทีซีคาดว่าการช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการข้างต้น จะ ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท”
ผลการดำเนินงานของเคทีซีและกลุ่มบริษัทเทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.4%) รายได้รวมเท่ากับ 6,890 ล้านบาท เติบโต 6.6% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้นจากการตัดหนี้สูญได้เร็วขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายที่สูงขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดโปรโมชันส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้น จาก
การตั้งสำรองตามคุณภาพของลูกหนี้ และการตัดหนี้สูญเร็วขึ้นตามการปรับใช้นโยบายหนี้สูญใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,445,286 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,183 ล้านบาท (ลดลง 0.5%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.93% แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2,758,150 บัตร (เพิ่มขึ้น 5.4%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,093 ล้านบาท (ลดลง 0.2%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.30% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 211,459 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.0%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 687,136 บัญชี (ลดลง 3.9%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 34,806 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.1%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.21% โดยเป็นยอดสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จำนวน 2,959 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 2,284 ล้านบาท (ลดลง 32.2%) ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่
ในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 60,054 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) 35% และเงินกู้ยืมระยะยาว 65% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.78 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2.07 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า และมีวงเงินกู้ยืมคงเหลือ (Available Credit Line) 28,201 ล้านบาท (ระยะสั้น 23,201 ล้านบาท และระยะยาว 5,000 ล้านบาท) โดยกลุ่มบริษัทมีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดในไตรมาส 4/2567 ทั้งสิ้น 5,245 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 ต้นทุนการเงินอยู่ที่ 2.9% เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2.7%
KTC Group reports strong financial performance with 5,549 million baht net profit
for the first nine months of 2024. Demonstrating market adaptability.
Despite the challenging economic conditions and household debt situation, KTC has demonstrated resilience. KTC has adjusted its work processes to enhance efficiency, maintain portfolio quality, and increase market share. KTC and its subsidiaries’ net profit was 5,549 million baht in the past nine months. Our objectives remain focused on maintaining portfolio quality and continuing our cooperation with the government sector to assist borrowers and those affected by the recent flooding.
Mrs. Pittaya Vorapanyasakul, President & Chief Executive Officer, “KTC” or Krungthai Card Public Company Limited, stated, “Private consumption slowed down due to uncertain economic conditions. In addition, the debt repayment ability of vulnerable households decreased due to slow income recovery. All of these factors affect the overall consumer finance industry. However, KTC has still been able to maintain its portfolio quality to be within the target range. The credit card portfolio somewhat slowed down partly due to an increase in the minimum payment rate, but the credit card spending volume continues to grow well. The personal loan portfolio continued to expand gradually while the NPL coverage ratio remained strong. KTC has adjusted work processes to be flexible and ready to cope with the changing market landscape. The Company focuses on maintaining portfolio quality, which has always been the foundation of KTC’s business operations. It enables us to continuously generate better operating results, as reflected by the NPL Ratio, which is still within the specified target rate. The Company is confident that profit will increase continuously.”
“KTC cooperates with the government sector and continuously provides various measures to assist debtors in response to the Bank of Thailand Notification announcement regarding responsible lending by granting loans responsibly and fairly. KTC grants credit per borrowers’ ability to repay and must not cause borrowers to have an unreasonable increase in debt from the original burden. The Company also assists Severe Persistent Debt (SPD) borrowers, effective April 1, 2024. Currently, KTC borrowers have participated in the program, and the impact on actual interest income was only 1.7% of the estimated total impact value of 18 million baht per month if all eligible KTC borrowers participated in the program. Furthermore, measures have been implemented to aid borrowers affected by the flooding in areas declared a disaster zone. Borrowers with normal status or the principal or interest has not been overdue for more than 30 days from the date of notification of intent to participate in the measure can apply until November 30, 2024. KTC expects that assisting according to those measures will not significantly impact KTC and its subsidiaries’ operations.”
“KTC and its subsidiaries’ net profit in Q3/2024, compared to the same period in 2023, equaled 1,919 million baht (a 3.4% increase). Total revenue equaled 6,890 million baht, a 6.6% increase from the same period last year, mainly from increased fee income and recovery income from quicker write-offs. Meanwhile, total expenses increased by 8.5%, equal to 4,524 million baht, mainly from increased fees and services in response to transaction volume, and increased marketing expenses from credit cards’ promotional campaigns. In addition, expected credit losses (ECL) increased from reserves according to the portfolio quality and quicker bad debt write-offs according to the new policy effective January 1, 2024. The cost of funds also increased in response to higher interest rates in the financial market.”
As of September 30, 2024, compared to the same period in 2023, total membership base numbered 3,445,286 accounts while total loans to customers and accrued interest receivables equaled to 106,183 million baht (a 0.5% decrease); the NPL Ratio was 1.93%, comprising of 2,758,150 cards in the credit card business (a 5.4% increase), and total loans to credit card customers and accrued interest receivables of 69,093 million baht (a 0.2% decrease). NPL for credit cards was at 1.30%. Credit card spending for the first nine months of 2024 was 211,459 million baht (a 10.0% increase). There are 687,136 accounts in the KTC personal loan portfolio (a 3.9% decrease), with loans to personal loan customers and accrued interest receivables of 34,806 million baht (a 2.1% increase). NPL for personal loans portfolio was at 2.21%. “KTC P BERM CAR FOR CASH” receivables totaled 2,959 million baht. KTB Leasing Company Limited (KTBL)’s lease receivables equaled 2,284 million baht (a 32.2% decrease) as KTBL has stopped granting this type of loan since August 2023. KTC is currently focusing on debt collection and managing the quality of existing portfolios.
The group’s total borrowings equaled 60,054 million baht, comprising 35% of short-term borrowings (including loans and debentures due within one year) and 65% of long-term borrowings. The debt-to-equity ratio was 1.78 times, which decreased from 2.07 times in the same period in 2023 and was lower than the debt covenants, which were ten times. The available credit line was 28,201 million baht (short-term 23,201 million baht and long-term 5,000 million baht). The loans and debentures due in Q4/2024 equal 5,245 million baht. The cost of funds for the first nine months of 2024 was 2.9%, up from 2.7% in the same period in 2023 due to higher interest rates in the financial market.