กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)) โดย โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลิตภัณฑ์ปริวรรตเงินตราต่างประเทศ รวมถึงบริการผ่านช่องทางดิจิทัล
โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 แม้มูลค่าการส่งออกและนำเข้าของไทยจะเติบโตไม่สูงนัก แต่ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ทำให้ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรีเพิ่มขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 กรุงศรีมีกำไรจากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศสูงถึง 5,732 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% จากปี 2565 สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในด้านต่างๆ รวมทั้งการสนับสนุนเรื่อง ESG การขยายธุรกิจสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้าและประเทศไทยสนับสนุนการดำเนินงานด้าน ESG
สำหรับ ESG ในปี 2566 ที่ผ่านมา กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ได้มีส่วนในการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Green & Blue Bond) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินทุนที่ได้จากการนี้ทั้งหมดได้ถูกนำไปสนับสนุนสินเชื่อให้ลูกค้าในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมในช่วงต่อมา
“กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยและการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้าโดยผสานความร่วมมือกับ MUFG นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงิน เพื่อสนับสนุนลูกค้าในการขยายการลงทุนและธุรกิจและการดำเนินการด้าน ESG ในอาเซียน เช่น ESG-Linked Derivatives เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืม ในขณะเดียวกัน ยังได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมตามระดับความสำเร็จของเป้าหมาย ESG ที่ลูกค้าตั้งไว้ ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการความสนใจจากลูกค้านิติบุคคลที่มีการดำเนินการด้าน ESG เป็นอย่างดี และในปีนี้เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนการดำเนินการด้าน ESG ต่อไปในอนาคต” นายคุโรกิ กล่าวย้ำ
เสริมความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์และบริการปริวรรตเงินตราต่างประเทศในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กรุงศรีพบว่าความต้องการของลูกค้าในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในสกุลเงินอื่นนอกเหนือจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จึงได้ขยายการให้บริการเงินสกุลเงินดีร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) ไปเมื่อต้นปีนี้ เพิ่มเติมจากสกุลเงินแรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) และดองเวียดนาม (VND) ที่ได้เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ยังได้พัฒนาและขยายการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณและยอดธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จำนวนลูกค้านิติบุคคลที่ทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านช่องทาง e-platform FX@Krungsri ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 129% และเพิ่มขึ้นอีก 66% ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ปัจจุบัน ธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ทำรายการผ่าน FX@Krungsri มีจำนวนเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และการทำธุรกรรมของลูกค้ารายย่อยผ่านแอปพลิเคชัน KMA krungsri app ที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศได้ถึง 15 สกุลเงินนั้น ยังคงมีการเติบโตอย่างมั่นคง โดยในปี 2566 มียอดธุรกรรมมากกว่า 35,000 รายการ
ในภาพรวม ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 2.4% โดยมูลค่าการส่งออกและนำเข้าในช่วงไตรมาสแรกของปีโตขึ้นเพียง 1% อย่างไรก็ตาม ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงเดียวกันในปีนี้ของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ได้เพิ่มขึ้นถึง 13%
“เราจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า และจะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยต่อไป” นายคุโรกิ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมของสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อํานวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “นักกลยุทธ์กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ประเมินว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เงินบาทอ่อนค่าลงขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ รับมือกับภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีเกินคาด เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่าสัญญาณชะลอตัวของเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชัดเจนมากขึ้น เอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ตัดสินใจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาสสามของปีนี้เป็นต้นไป มุมมองอัตราแลกเปลี่ยนของเราอยู่บนสมมติฐานหลักที่ว่าเฟดจะหันมาใช้นโยบายที่เข้มงวดน้อยลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดความร้อนแรงตามวัฏจักร (Soft Landing) อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบนอกสหรัฐฯ อาทิ ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานะการคลังของประเทศแกนหลักในกลุ่มยูโรโซน และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบอย่างมีนัยสำคัญในญี่ปุ่น อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนต่อไปในระยะสั้น อนึ่ง เรามองว่าค่าเงินบาทจะสามารถฟื้นตัวได้ก่อนสิ้นปีนี้จากการกลับทิศของนโยบายเฟด และแรงส่งจากภาคท่องเที่ยว”
“เราประมาณการค่าเงินบาทในไตรมาสสุดท้ายของปีผันผวนในกรอบ 34.50-36.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐอย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ขาดความโดดเด่น กระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นความท้าทายจากทิศทางการค้าโลกในระยะถัดไป นอกจากนี้ เราตั้งข้อสังเกตไปไกลกว่าสถานการณ์เชิงวัฏจักร ว่าแม้การกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังวิกฤติโรคระบาดจะช่วยพยุงเงินบาทไม่ให้อ่อนค่ารุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ รวมถึงทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่ำ แต่หากปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งฉุดรั้งขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ระดับการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะโน้มต่ำลงในระยะยาว บั่นทอนภูมิคุ้มกันค่าเงินบาทในที่สุด สำหรับนโยบายการเงินของไทย เราประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% ตลอดปีนี้ โดยการสื่อสารของผู้ดำเนินนโยบายต่อผู้ร่วมตลาดสะท้อนความสำคัญของการดูแลเสถียรภาพ ลดการสะสมความเปราะบางของเศรษฐกิจการเงินในระยะกลางถึงยาว” นางสาวรุ่ง กล่าวปิดท้าย
Krungsri Global Markets Develops Risk-Mitigating Productsto Support ESG and Customers’ International Business Expansion Krungsri (Bank of Ayudhya PCL), through its Global Markets Group, is strengthening its position by developing products that align with environmental, social, and governance (ESG) principles alongside foreign exchange products and digital channel services. Despite the relatively low growth in Thailand’s export and import values in the first quarter of 2024, Krungsri’s responsive products and services have driven a 13% increase in foreign exchange transaction volumes compared to the same period last year.
Mr. Hirotaka Kuroki, Krungsri Head of Global Markets Group, said that, in 2023, Krungsri’s profit from trading and foreign exchange transactions soared to 5,732 million baht,
a 21% increase from the previous year. This success reflects the bank’s continuous efforts in developing new products and services across various areas, including support for ESG principles, expansion in the business of emerging market currencies, as well as digital transformation to address evolving customer needs and foster sustainable growth for customers and Thailand.
Supporting the Implementation of ESG Practices
Regarding ESG initiatives, last year, Krungsri Global Markets actively participated in mobilizing capital through the issuance of a Green & Blue Bond, totaling an impressive USD 400 million, to support climate change and marine resource management initiatives. The funds raised were exclusively allocated to provide loans for customers’ environmentally related businesses.
“Krungsri Global Markets remains committed to supporting Thailand’s development and the sustainable growth of customers through collaboration with the Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG), offering products and solutions that assist clients in expanding investments and implementing ESG practices in ASEAN, such as ESG-Linked Derivatives. These instruments are designed to help clients manage interest rate risks associated with loans while also providing benefits based on their achievement of ESG goals. The product has garnered significant interest from corporate customers practicing ESG principles. This year, Krungsri will continue developing products that reflect the implementation of ESG practices,” emphasized Mr. Kuroki.
Strengthening Foreign Exchange Products and Services
Over the past 2-3 years, Krungsri has observed a significant increase in customer demand for foreign exchange transactions in currencies other than the US dollar. In response, Krungsri Global Markets expanded its service offerings to include the UAE dirham (AED) earlier this year, in addition to the South African rand (ZAR) and Vietnamese dong (VND), which were introduced last year.
In addition, Krungsri Global Markets has continuously developed and expanded its services through digital channels, resulting in a significant increase in online foreign currency transaction volume and total amount. The number of corporate clients using the FX@Krungsri e-platform for foreign exchange transactions has seen continuous growth. In 2023, the figure rose by 129%, followed by a further 66% increase in the first half of this year. Presently, foreign exchange transactions executed via FX@Krungsri have jumped by 54% compared to last year. Furthermore, retail customer transactions conducted through the KMA krungsri app, which facilitates convenient international money transfers in up to 15 currencies, maintain steady growth. The app processed over 35,000 transactions in 2023.
Overall, the Thai economy is expected to grow by 2.4% this year, with the value of exports and imports in the first quarter increasing by only 1%. However, Krungsri Global Markets’ foreign exchange transaction volume has surged by 13% during the same period.
“Our commitment lies in developing our services to meet the evolving needs of our customers and conducting our business responsibly toward society and the environment, contributing to a sustainable future for Thailand,” concluded Mr. Kuroki.
Presenting an overview of the exchange rate and interest rate situation in the second half of 2024, Ms. Roong Sanguanruang, Krungsri Senior Vice President of Global Markets Planning Division, said, “Krungsri Global Markets strategists assess that the baht has weakened in the first half of 2024 as the US economy adapted better than anticipated to high interest rates. Looking ahead, we expect clearer signs of a slowdown in US inflation and economic activity, which will likely prompt the Federal Reserve (Fed) to start reducing interest rates from the end of the third quarter. Our exchange rate outlook is based on the key assumption that the Fed will adopt a less restrictive policy, resulting in a soft landing scenario. However, negative factors outside the United States, including investor concerns about the fiscal stability of core Eurozone countries and significantly negative real rates of return in Japan, could further bolster the dollar in the short term. Moreover, we anticipate the baht to rebound by year-end, driven by a shift in Fed policy and momentum in the tourism sector.”
“We anticipate the baht’s value fluctuating between 34.50 and 36.75 baht/dollar in the final quarter of the year. However, its potential for appreciation may be limited amid the Thai economy’s lack of outstanding growth potential, ongoing capital outflows, and looming challenges from global trade dynamics. Moreover, beyond the cyclical situation, despite the return of tourists post-epidemic—which should stabilize the baht from further depreciation—and coupled with the fact that Thailand maintains robust international reserves and relatively low foreign debt levels, if structural issues hampering the country’s competitiveness are not effectively addressed, the long-term current account surplus could diminish, ultimately weakening the baht’s resilience. Regarding Thailand’s monetary policy, we anticipate that the Monetary Policy Committee (MPC) will likely maintain interest rates at 2.50% throughout this year. Meanwhile, policymakers’ communications to market participants emphasize the importance of maintaining stability and reducing financial vulnerabilities in the medium to long term.”
