กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า
เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.60 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.15-33.89 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นทั้งจากปัจจัยเฉพาะตัวเกี่ยวกับความหวังเรื่องการเปิดประเทศ และปัจจัยตลาดโลกขณะที่ดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไร เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยน ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและโลหะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นรอบใหม่ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯลดลง แต่บอนด์ยิลด์ระยะสั้นสูงขึ้นและกดดันค่าเงินเยนสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2565 ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯเมื่อเทียบรายปีทะยานขึ้น 5.4% ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานอยู่ที่ 4.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 21-22 กันยายน ส่งสัญญาณว่าอาจจะเริ่มลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนหรือกลางเดือนธันวาคมนี้ แต่เห็นต่างกันในเรื่องจังหวะเวลาปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 9,428 ล้านบาท และ 4,261 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน ตัวเลขภาคการผลิตและยอดขายบ้านของสหรัฐฯ รวมถึงราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกรุงศรีมองว่าต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มคุมเข้มนโยบาย อนึ่ง ในภาวะเช่นนี้ คาดว่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนเมื่อเทียบกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธปท.เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 29 กันยายน ระบุว่ากนง.ประเมินเศรษฐกิจผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/64 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องแต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยกนง.เน้นย้ำมุมมองที่ว่ามาตรการด้านการเงินและการเร่งกระจายสภาพคล่องอย่างตรงจุดและต่อเนื่องจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ ธปท.ไม่ต้องการให้ค่าเงินเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ โดยกรุงศรีคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะผันผวนสูงและทางการอาจเข้าดูแลไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไปท่ามกลางความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้านต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้น