กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.35 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.24 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2.1 พันล้านบาทแต่ขายพันธบัตร 54 ล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นหลังตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังประธานาธิบดีทรัมป์แถลงว่าสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ทางทหารต่ออิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี คาดว่า ตลาดจะติดตามการลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีนวันที่ 15 ม.ค. เพื่อประเมินทิศทางการเจรจาในระยะข้างหน้า รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ หลังข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่บ่งชี้การขยายตัวที่สดใสกว่าภูมิภาคอื่น แม้ตัวเลขค่าจ้างงานในเดือน ธ.ค. ออกมาต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ รายงานจีดีพีไตรมาส 4/2562 ของจีนจะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเช่นกัน สำหรับภาพรวมสัปดาห์นี้ คาดว่าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินส่วนใหญ่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ยังมีแรงส่งเชิงบวก ขณะที่เงินเยนอาจเผชิญแรงขายต่อเนื่องท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เน้นย้ำว่า ปัจจุบันสินทรัพย์สกุลเงินบาทไม่ได้เป็นเป้าหมายแหล่งพักเงินในลักษณะ safe haven ของต่างชาติเนื่องจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สนับสนุนให้ธปท.ติดตามกระแสเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นและผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงิน นอกจากนี้ ทางการประเมินว่าสถานการณ์ภัยแล้งอาจส่งผลกระทบเชิงสังคม อีกทั้งกนง.กังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะนี้อาจชะลอลงหลังค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากในปีที่ผ่านมาและธปท.กล่าวเตือนว่าเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อนึ่ง ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 2.275 แสนล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรกของปี 2563 จาก 2.23 แสนล้านดอลลาร์ช่วงสิ้นปี 2562 สะท้อนการเข้าซื้อดอลลาร์ของทางการเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านการคลัง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนก.พ. หลังสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท