วันนี้ (30 มกราคม 2568)ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ผลตรวจยีนแนททู (NAT2) ประกอบการรักษาผู้ป่วยวัณโรค ด้วยยา Isoniazid” ภายใต้โครงการตรวจแนททู ไดโพลทัยป์ (NAT2 diplotype) ด้วยเทคนิคเรียลไทม์พีซีอาร์ (Real-time PCR) เพื่อประกอบการปรับระดับยาต้านวัณโรค Isoniazid (ไอโซไนอะซิด) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีผู้แทน JICA ประจำประเทศไทย ผู้บริหารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ทั้งแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวัณโรค เข้าร่วมการประชุม
นายแพทย์ยงยศ กล่าวว่า วัณโรคยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยอัตราผู้ป่วยรายใหม่และการแพร่กระจายของโรคที่ยังคงพบได้อย่างต่อเนื่อง ความท้าทายหนึ่งของการรักษาวัณโรคคือผลข้างเคียงจากยาต้านวัณโรค โดยเฉพาะยา isoniazid ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดเชื้อวัณโรคในร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจก่อให้เกิดอาการตับอักเสบในผู้ป่วยบางราย ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องหยุดการรักษากลางคัน ซึ่งลดทอนประสิทธิภาพการควบคุมโรคและ เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ จึงนำเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านจีโนมิกส์ การตรวจยีน NAT2 diplotype ด้วยเทคนิค Real-time PCR มาใช้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยแพทย์ในการปรับระดับยา isoniazid ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงอย่างตับอักเสบ และเพิ่มโอกาสในการรักษาหายขาด
นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่ออีกว่า การประชุมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มีระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ถึง 27 กรกฎาคม 2568 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันชีววิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ ดำเนินการร่วมกับ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่ง ทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้รับตัวอย่างจากผู้ป่วยจำนวน 2,523 ราย ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า กลุ่มย่อยสลายยาช้า (Slow acetylator) มีจำนวน 1,026 ตัวอย่าง กลุ่มย่อยสลายยาได้ปานกลาง (Intermediate acetylator) 1,131 ตัวอย่าง และกลุ่มย่อยสลายยาเร็ว (Rapid acetylator) 366 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 41, 45 และ 14 ตามลำดับ ซึ่งข้อมูลนี้มีคุณค่ามหาศาลในการช่วยแพทย์ตัดสินใจรักษา อย่างเหมาะสม
“ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ทั้งแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กับงานด้านวัณโรค จะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการนำผลตรวจยีน NAT2 ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคในบริบทของแต่ละโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ยกระดับคุณภาพการรักษาผู้ป่วยวัณโรค
รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรค และช่วยสนับสนุนการควบคุมและป้องกันวัณโรค สู่เป้าหมายยุติวัณโรคของประเทศไทย ทั้งนี้ หน่วยบริการสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถส่งตัวอย่างเลือดผู้ป่วยวัณโรค ตรวจ NAT2 diplotype โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0 2951 0000 ต่อ 98095 หรือ 98096” นายแพทย์ยงยศ กล่าวทิ้งท้าย