เอไอเอ แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ด้วยยอดเป็นบวกในเดือนมิถุนายน เงินกองทุนส่วนเกิน (Free surplus) เพิ่มขึ้น 20.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) สูงขึ้นร้อยละ 4 เงินปันผลระหว่างกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 6

0
1013

ฮ่องกง, 25 สิงหาคม 2565 – กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) แถลงประกาศผลประกอบการ 6 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565

อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

ผลประกอบการของธุรกิจใหม่
• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลงร้อยละ 13 คิดเป็น 1,536 ล้านเหรียญสหรัฐ
• ยอดขายเดือนต่อเดือนมีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 จากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในเดือนมิถุนายน
• เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) จำนวน 2,778 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 7
• อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) อยู่ที่ร้อยละ 55.2
• เอไอเอ ประเทศจีน มูลค่าธุรกิจใหม่กลับมาเติบโตในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางผ่อนคลายลง

รายได้และทุน
• เงินกองทุนส่วนเกิน (Free surplus) เพิ่มขึ้น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 20.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
• ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5(1) อยู่ที่ 3,190 ล้านเหรียญสหรัฐ
• กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 คิดเป็น 3,223 ล้านเหรียญสหรัฐ
• วิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศ (Group Local Capital Summation Method – Group LCSM) ของกลุ่มบริษัทแข็งแกร่งมาก ครอบคลุมอัตราส่วน(2) ร้อยละ 277 จากข้อกำหนดด้านเงินทุนที่ประกาศล่าสุด และร้อยละ 567 จาก MCR ที่รายงานก่อนหน้านี้
• ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 72.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากการคืนทุนจำนวน 3.0 พันล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนและเงินปันผล
• มูลค่าหุ้นส่วนของผู้ถือหุ้นที่จัดสรรจำนวน 46.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เงินปันผลระหว่างกาล
• เงินปันผลระหว่างกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็น 40.28 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอมีผลการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ยอดขายปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มลดความรุนแรงลง ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) กลับมาเป็นบวกในเดือนมิถุนายน”

“การเติบโตของพอร์ตโฟลิโอคุณภาพสูงของเรา ทำให้กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) และส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) (1) เพิ่มขึ้น สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทยังคงแข็งแกร่งมาก โดยมีเงินกองทุนส่วนเกิน เพิ่มขึ้นเป็น 20.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศ (Group LCSM) ของกลุ่มบริษัท ครอบคลุมอัตราส่วน(2) ที่ร้อยละ 277 ถึงแม้จะมีความตึงเครียดอย่างมากในตลาดทุนก็ตาม สำหรับส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 72.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ในช่วงครึ่งปีแรกก่อนคืนทุน 3.0 พันล้านเหรียญสหรัฐแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในปี 2564”

“คณะกรรมการประกาศการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 40.28 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งช่วยให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท”

“เอไอเอได้นำเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ (TDA) มาใช้อย่างกว้างขวางทั่วทั้งกลุ่มบริษัท ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจและช่วยสร้างความยืดหยุ่นของธุรกิจเราได้ ตัวแทนของเราปรับเปลี่ยนวิธีการขายจากแบบพบหน้ากันมาเป็นการขายทางไกลในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนทำให้กิจกรรมการขายแบบพบหน้ากันลดน้อยลง และหันกลับมาใช้ประโยชน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเราเป็นหลักในการจัดการ ซึ่งเป็นช่องทางที่ทรงพลังในการสร้างลูกค้าใหม่ ธุรกิจใหม่ที่มาจากตัวแทนเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือนในไตรมาสที่ 2 และทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) กลับมาเติบโตในเดือนมิถุนายน สำหรับเดือนกรกฎาคม เอไอเอได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีตัวแทน MDRT (สโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม) มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก เป็นระยะเวลา 8 ปีติดต่อกัน บ่งบอกถึงคุณภาพที่ดีเยี่ยม ความเป็นมืออาชีพของตัวแทนในการให้คำแนะนำและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเรา”

“ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารชั้นนำทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากในฮ่องกง มาเลเซีย และอินเดีย ภาพรวมของธุรกิจสำหรับช่องทางการขายผ่านพันธมิตรของเรามีรายงานการเติบโตเพิ่มขึ้นในเชิงบวกสำหรับครึ่งปีแรกและการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจเป็นตัวเลขสองหลักในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงการได้รับแรงสนับสนุนที่สำคัญจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ The Bank of East Asia (BEA)

“ในขณะที่กิจกรรมการขายในไตรมาสที่ 2 สำหรับ เอไอเอ ประเทศจีน ได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการกักกันที่เข้มงวดในนครเซี่ยงไฮ้ เมืองซูโจว และกรุงปักกิ่ง แต่เราประสบความสำเร็จในการเติบโตเชิงบวกของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในภูมิภาคอื่น ๆ ของเรา ในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่าธุรกิจใหม่ต่ำลงเนื่องจากข้อจำกัดและตามรายงานผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมยังคงได้รับความนิยมที่สูงเป็นพิเศษดังที่รายงานก่อนหน้านี้ สำหรับโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรายังคงมีความยืดหยุ่นด้วยการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมในด้านประสิทธิภาพในการทำงานของพลังตัวแทน การรับสมัครตัวแทนใหม่ และภาพรวมของพลังตัวแทน เนื่องจากข้อจำกัดในการดำเนินงานของเราลดลง เอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในเชิงบวกสำหรับการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในเดือนกรกฎาคม

“ตลาดประกันชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงได้ส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาลสำหรับเอไอเอ เรายังคงมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการขยายทางภูมิศาสตร์ และสาขาใหม่ของเราใน นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ได้เริ่มการขายในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากต่อการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมจากสาขาใหม่ของเรา ในเดือนพฤษภาคมเราได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบเพื่อเตรียมสาขาใหม่ในมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสามในจีนแผ่นดินใหญ่”

“ในครึ่งปีแรกของปี 2565 เอไอเอ ฮ่องกง มีมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 3 โดยเป็นการเติบโตทั้งจากพลังตัวแทนและพันธมิตรช่องทางการขาย สำหรับยอดขายภายในประเทศเริ่มกลับมามีความเคลื่อนไหวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจากการที่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง ในขณะที่ยังมีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศจากเกาะฮ่องกง เรายังสามารถส่งมอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่จากการขายผลิตภัณฑ์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านสาขามาเก๊า

“สาขาที่เหลือภายใต้กลุ่มบริษัท สามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้มากถึงเกือบร้อยละ 50 ในครึ่งปีแรกของปี 2565 จากการพัฒนาและปรับปรุงในด้านกิจกรรมการขายอย่างจริงจังในไตรมาสที่ 2 สำหรับในเดือนมิถุนายนในฐานะผู้นำตลาดอาเซียน (ASEAN) เราได้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นเลขสองหลัก

“ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต บริษัทร่วมทุนในประเทศอินเดีย สามารถคว้าโอกาสที่สำคัญในตลาดประกันชีวิตไว้ได้ ทำให้เราไปถึงเป้าหมายของการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยมในครึ่งปีแรก โดยมีแรงสนับสนุนจากความสำเร็จด้านยอดขายผ่านแพลตฟอร์มการขายอันหลากหลายของเรา นอกจากนี้ โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ซึ่งได้ถูกปรับให้มีความเป็นดิจิทัลขั้นสูง ยังคงมีการพัฒนาอย่างยอดเยี่ยมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านการสรรหาบุคลากร ผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนที่ปฏิบัติงาน รวมถึงผลผลิต เรายังคงมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรธนาคารและนายหน้าซื้อขายประกัน (โบรกเกอร์) เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมผ่านช่องทางพันธมิตรของเรา

“ผมเชื่อมั่นว่าแนวโน้มระยะยาวสำหรับธุรกิจในวงกว้างและหลากหลายของเอไอเอยังคงโดดเด่นอยู่ ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของเอไอเอในทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมถึงแพลตฟอร์มการขายผลิตภัณฑ์ของเราที่ไม่มีใครเทียบได้ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราอย่างมีวินัย ซึ่งจะส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเราได้อย่างต่อเนื่อง”

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง(3) ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า(4) และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 302 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 40 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 17 ล้านคน

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY

หมายเหตุ:
(1) ร้อยละ 5 ของการเติบโตในส่วนเงินกองทุนส่วนเกินในครึ่งปีแรกของปี 2565 คำนวณโดยเทียบเคียงกัน ซึ่งมูลค่าเงินทุนส่วนเกินเคยอยู่ที่ 3,434 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนได้รับผลกระทบจากช่วงต้นที่ต้องดำเนินตามกรอบการดํารงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของฮ่องกง (HKRBC) ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 และการลดลงของกำไรที่เพิ่มขึ้นโดยกลุ่มบริษัทในวันที่ 1 มกราคม 2565 ภายใต้ข้อระเบียบของการประกันภัยแห่งฮ่องกง (HKIO)
(2) เงินทุนที่มีอยู่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ทั้ง Group Prescribed Capital Requirement (GPCR) และ Group Minimum Capital Requirement (GMCR) คำนวณบนพื้นฐานของ Local Capital Summation Method (LCSM) ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565
(3) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (Hong Kong SAR)
(4) เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macau SAR)