เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2565 การเงินแข็งแกร่ง เร่ง 5 กลยุทธ์ ฝ่ามรสุมวิกฤติซ้อนวิกฤติ เงินเฟ้อ-ราคาพลังงานพุ่ง-โลกรวน

0
1038

ผลประกอบการเอสซีจี ไตรมาส 2 ปี 2565 ยอดขายยังโตต่อเนื่อง แม้กำไรจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน การเงินแข็งแกร่ง ปันผล 6 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 10 ส.ค.นี้ ชู 5 กลยุทธ์ รับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลก 1.) รัดเข็มขัด ลดต้นทุน เร่งเพิ่มเชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ 2.) ผลักดันนวัตกรรม สินค้าและบริการใหม่ๆ ต่อเนื่อง 3.) เพิ่มสภาพคล่องการเงิน 4.) คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ เผย LSP คืบหน้าร้อยละ 96 ลงทุนธุรกิจรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์รายใหญ่เนเธอร์แลนด์ 5.) เร่ง ESG ดันนวัตกรรมรักษ์โลก เดินหน้าฝึกอาชีพ ลดเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้มั่นคง

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “แม้สถานการณ์ทั่วโลกยังมีความผันผวน เป็นภาวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย ต้นทุนพลังงาน-วัตถุดิบเพิ่มสูง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) แต่เอสซีจีได้เร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจและสถานะการเงินของเอสซีจียังคงแข็งแกร่ง เร่งนวัตกรรม สินค้าและบริการ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านความปลอดภัย สะดวกสบาย รับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการจากการเปิดประเทศ ในขณะเดียวกัน ยังพิจารณาการลงทุนอย่างเข้มงวด ชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน มุ่งโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนเร็ว และเป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว ทั้งโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP ที่เวียดนาม และการลงทุนของ SCGP ในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ ในเพอเธ่ (Peute) ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์

งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ในไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2565 มีรายได้จากการขาย 152,534 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาด โดยมีกำไรในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 เท่ากับ 9,937 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 42 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมิคอลส์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอลส์ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน จากเงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 305,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรในครึ่งแรกของปี 2565 เท่ากับ 18,781 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง อนึ่ง ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ธุรกิจปิโตรเคมีได้รับอานิสงส์จากวิกฤติฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้กำลังการผลิตในตลาดโลกลดลง

ครึ่งปีแรกของปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) 104,332 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของรายได้จากการขายรวม ทั้งนี้ ยังมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) และ Service Solution เช่น ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Hybrid Cement) และ กระเบื้องยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย (Hygienic Tilesคิดเป็นร้อยละ 17 และ 5 ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ทั้งสิ้น 135,822 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีมูลค่า 903,137 ล้านบาท โดยร้อยละ 45 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (นอกเหนือจากประเทศไทย)

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2565 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้ธุรกิจเคมิคอลส์ หรือ SCGC ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 66,789 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจมีปริมาณการขายลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 3,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 64 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 SCGC มีรายได้จากการขาย 135,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 7,292 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 62 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 52,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลยุทธ์การขายสินค้า ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและภูมิภาค ซึ่งได้ช่วยชดเชยกับความต้องการสินค้าที่ชะลอตัวลงและส่งผลกระทบกับยอดขายในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,668 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ลดลงร้อยละ 28 จากไตรมาสก่อน 

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 103,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 3,976 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

SCGP ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 37,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Integrated Packaging Business) ในกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม และการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศฟิลิปปินส์ (UPPC 3) การปรับราคาสินค้าให้สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตของธุรกิจเยื่อและกระดาษ (Fibrous Business) จากการเพิ่มขึ้นของทั้งราคาเยื่อกระดาษ และยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,856 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 SCGP มีรายได้จากการขาย 74,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของทุกสายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการรวมผลการดำเนินงานของ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab การปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษ และบรรจุภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 3,514 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง เอสซีจีได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการภายใต้ 5 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.) ลดต้นทุน เพิ่มพลังงานทางเลือก 2.) พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ต่อเนื่อง 3.) เพิ่มสภาพคล่องการเงิน 4.) คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ 5.) เดินหน้า ESG ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus

1.) ลดต้นทุน เพิ่มพลังงานทางเลือก ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ลดของเสียจากการดำเนินงาน และเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก อาทิ เชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกร้อยละ 16.4

2.) พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ตลอดจนหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน นวัตกรรมเคมีภัณฑ์ อาทิ “พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่น” (High Quality Odorless PCR) สำหรับบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของสินค้าที่ต้องการเน้นกลิ่นหอมโดยเฉพาะ “สารเคลือบชั้นฟิล์มป้องกันการซึมผ่านของอากาศ” (Barrier Coating Technology) ช่วยทดแทนการใช้วัสดุที่หลากหลายของบรรจุภัณฑ์ ให้เหลือเพียงพลาสติกประเภทเดียวกันทั้งชิ้นงาน (MonoMaterial) จึงรีไซเคิลได้ง่าย นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี เช่น  SCG HVAC Air Scrubber ระบบบำบัดอากาศเสีย พร้อมลดภาระการทำความเย็นของระบบปรับอากาศ สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ประหยัดค่าไฟได้ร้อยละ 2030กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย ก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ไร้สัมผัส และสุขภัณฑ์เคลือบสาร Ultraclean+” จาก COTTO Health& Clean ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย นวัตกรรมการก่อสร้าง ภายใต้แบรนด์ “CPAC Green Solution” มุ่งใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับโซลูชันการก่อสร้างใหม่ๆ  อาทิ Farm Solution บริการออกแบบและก่อสร้างฟาร์มครบวงจร เสร็จไว ได้มาตรฐานตามหลักความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio Security) และ Gas Station Solution บริการออกแบบและก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์  อาทิ “เฟสท์ ชิลล์” บรรจุภัณฑ์อาหารทำจากกระดาษ เคลือบฟิล์มลอกออกได้ สะดวกต่อการรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ดีไซน์แข็งแรงเหมาะกับการเดลิเวอรี 

3.) เพิ่มสภาพคล่องการเงิน ด้วยการบริหารเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ให้อยู่ในระดับเหมาะสม บริหารปริมาณสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ติดตามการให้สินเชื่อการค้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงเสริมสภาพคล่องโดยการดำเนินการออกหุ้นกู้ ในรูปแบบ หุ้นกู้ดิจิทัล ของ SCGP ในวันที่ 1 สิงหาคม 2565

4.) คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ทบทวนการลงทุน ชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน หรือใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะได้ผลตอบแทน มุ่งโครงการที่ได้ผลตอบแทนเร็ว และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ อาทิ  โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม มีความคืบหน้าตามแผนร้อยละ 96 พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีแรกของปี 2566 ล่าสุด SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ (Packaging Materials Recycling Business) ใน Peute Recycling B.V. ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และลงทุนใน Imprint Energy Inc. สหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่ผลิตด้วยการพิมพ์ (Printed battery) มีศักยภาพในการเติบโต สามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะได้ด้วย

5.) เดินหน้า ESG ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero Go Green Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส) โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 มียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice เท่ากับ 153,240 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของยอดขายรวม

เอสซีจี มุ่งลดความเหลื่อมล้ำให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีผู้เข้าร่วมในครึ่งปีแรกของปี 2565 จำนวน 4,366 คน ครอบคลุมใน 3 มิติ ประกอบด้วย การฝึกอาชีพสร้างรายได้ยั่งยืน เช่น เสริมทักษะให้ความรู้เพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน ฝึกอาชีพคนพิการ ฝึกทักษะช่างปรับปรุงที่อยู่อาศัย ฝึกอาชีพที่ตลาดต้องการแก่เยาวชน การยกระดับทักษะฝีมือเพื่อความมั่นคงทางอาชีพ เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง และการขยายโอกาสในการทำงาน เช่น ให้สินเชื่อผู้รับเหมาเพื่อเสริมสภาพคล่องซื้อวัสดุก่อสร้าง โดยบริษัท สยาม เซย์ซอน 

ล่าสุด เอสซีจี จัดงาน ESG Symposium 2022 มีผู้เข้าร่วมงานที่เอสซีจีและออนไลน์กว่า 130,000 คน ผนึกความร่วมมือ 315 พันธมิตรทุกภาคส่วน แก้วิกฤติโลกรวน ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมขยายข้อสรุปจากการระดมความคิดในงาน สู่การปฏิบัติจริง ทั้งแนวทางจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือสร้างนวัตกรรมมุ่งสู่ Net Zero เพื่อเร่งทำ Roadmap การสร้างนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนที่ดีที่สุดมาใช้ในไทย และแนวทางความร่วมมือสร้างสังคมคาร์บอนต่ำของภาคเอกชน 60 องค์กร ครอบคลุมมิติด้านพลังงานทางเลือก เศรษฐกิจหมุนเวียน การบริโภคอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ไขวิกฤติต่างๆ ร่วมกัน

นอกจากนี้ เอสซีจี ยังได้ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย (TCA) และ Global Cement and Concrete Association (GCCA) จัดทำ “Thailand Chapter : Net Zero Cement & Concrete Roadmap” โดยได้นำเสนอในที่ประชุมสมาคมผู้ผลิตซีเมนต์รายใหญ่ระดับโลก GCCA CEO Gathering 2022 เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในธุรกิจซีเมนต์และคอนกรีตทั่วโลก

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 6.0 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 7,200 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 กำหนดผู้ที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) ในวันพุธที่ 10 สิงหาคม  2565 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2565” นายรุ่งโรจน์ กล่าวสรุป

SCG announces Q2/2022 and H1/2022 operating results with robust financial standing, accelerating 5 strategies to address inflation, soaring energy prices, and climate change

Bangkok: July 27, 2022 – SCG’s Q2/2022 operating results show continuous revenue growth despite energy costs’ effects on profits, maintaining robust financial standing and paying 6 Baht/share dividend with XD-date on August 10th. Deploying 5 strategies to tackle the global economic crisis including 1.) tightening expenses, lowering costs,  increasingly use of biomass and solar energy, 2.) consistently push for innovative products and services, 3.) increasing financial liquidity, 4.) Reassessing and carefully prioritizing strategic investments such as LSP (96% progress) and acquiring a major packaging material recycling operator in the Netherlands; and 5.) accelerating ESG with eco-friendly innovations, continuing occupational development programs to help reduce inequality and creating stable income.

Mr. Roongrote Rangsiyopash, President & CEO, SCG discloses that Despite volatile situations with crisis upon crisis such as inflation, rising interest rates, increased energy and raw material costs as well as climate change, SCG continues to adapt, resulting in strong overall business and financial performances. Innovative product and service developments are in full gear, especially ecofriendly items with SCG Green Choice labels and innovations to meet consumersdemands for safety and convenience, catering to the tourism and service sectors recovery as borders fully open. Moreover, strategical investments are being prioritized, resulting in the delay of new projects that are unurgent while still going through with quickreturn projects and ones that are aligned with the companys longterm growth plans. This includes the LSP petrochemical complex project in Vietnam and SCGPs acquisition of Peute, the largest packaging material recycling business in the Netherlands.

The Company’s unreviewed Operating Results for Q2/2022 registered Revenue from Sales of 152,534 MB, a flat q-o-q and an increase 14% y-o-y mainly due to higher sales across all businesses from higher product prices in-line with market prices. Profit for the Period is 9,937 MB, a decrease 42% y-o-y from rising feedstock costs in the Chemicals business following global oil prices as well as lower equity income at Chemicals business. Profit for the Period registered an increase 12% q-o-q due to dividend income from the investments business.

SCGs Revenue from Sales for the first half of 2022 rose 19% yoy to 305,028 MB. Profit for the Period registered 18,781 MB, a 41% decrease yoy attributed to increased feedstock costs in the Chemical business following increased global oil prices and lower equity income from associates. Moreover, during H1/2021, severe winter climates in the United States decreased the worlds production capacity, causing petrochemical industry performance to be abnormally high.

SCGs Revenue from Sales of HighValue Added Products & Services (HVA) for H1/2022 reached 104,332 MB or 34% of total Revenue from Sales. New Products Development (NPD) and Service Solution such as SCG Hybrid Cement and Hygienic Tiles, made up 17% and 5% of total Revenue from Sales respectively.

SCGs Revenue from operations outside of Thailand together with export sales from Thailand for H1/2022 registered 135,822 MB. This constituted 45% of total Revenue from Sales, an increase of 1% yoy.

The total assets of SCG, as of June 30, 2022, amounted to 903,137 MB, of which 45% represented assets in ASEAN (excluding Thailand).

The Q2 and H1 of 2022 operating results by business units are as follows:

Chemicals Business or SCGC recorded Q2/2022 Revenue from Sales of 66,789 MB, down 3% qoq while up 10% yoy due to higher product prices while decreased sales volume. Profit for the Period totaled 3,704 MB, increased 3% qoq while decreased 64% yoy from rising feedstock costs.

The H1/2022s Revenue from Sales of SCGC reached 135,951 MB, increased 21% yoy due to higher product prices. Profit for the Period was 7,292 MB, decreased 62% yoy due to rising feedstock costs and lower equity income from associates.

CementBuilding Materials Business recorded Q2/2022 Revenue from Sales of 52,881 MB, an increase of 14% yoy thanks to the sales strategies which increased revenue both in Thailand and the region. This compensated for stagnant product demand which affected this quarters revenue. Profit for the Period was 1,668 MB, a decrease of 32% yoy mainly from higher energy and raw material costs, and a decrease 28% qoq.

The H1/2022s Revenue from Sales of CementBuilding Materials Business reached 103,771 MB, increased 12% yoy. Profit for the Period decreased 25% yoy to 3,976 MB.

SCGP recorded Q2/2022 Revenue from Sales of 37,982 MB, an increase of 27% yoy and 4% qoq mainly attributed to the growth of the integrated packaging business in customer segments of consumerlinked products, especially in Vietnam. Contributions also include commercial startup of new packaging paper production line in the Philippines (UPPC 3), price adjustments to reflect continuously rising costs as well as growth in the fibrous business from increases in both pulp prices and the improved demand of foodservice packaging and paper. Profit for the Period registered 1,856 MB, a drop of 18% yoy but increased 12% qoq.

The H1/2022s Revenue from Sales of SCGP reached 74,616 MB or increased 31% yoy. This is mainly due to continuous business growth across all businesses, coupled with the consolidation of financial performance of Duy Tan, Intan Group, and Deltalab as well as product price adjustment related to rising costs and the increased demand for fiber packaging and foodservice packaging. Profit for the Period decreased 20% yoy to 3,514 MB.”

Mr. Roongrote further elaborates that at present, the global economy is highly unpredictable. SCG closely monitors the situation and aligns its operations with 5 strategies consisting of 1.) reducing costs and increasing alternative energy, 2.) continuously developing High Value Added Products & Services (HVA), 3.) expanding financial liquidity, 4.) prudent strategic investments; and 5.) emphasizing ESG with ESG 4 Plus guidelines:

1.) Reducing costs and increasing alternative energy by adopting efficient manufacturing technologies, reducing waste, and increasing the proportion of alternative energy such as biomass and solar power. At present, SCGs alternative energy consumption stands at 16.4%.

2.) Continuously developing High Value Added Products & Services (HVA) while seeking new markets to create distinctiveness and increase competitiveness. Examples of chemical innovations include highquality odorless PCR for ecofriendly packaging, especially those that require fragrance, and barrier coating technology that substitutes multimaterial packaging with monomaterial to ease the recycling process. Examples of better living innovations are SCG HVAC Air Scrubber, an air treatment system that reduces cooling load in buildings and saves 2030% on electricity expenses, antibacteria tiles, touchless faucets and sanitary wares, and Ultraclean+ coated sanitary wares by COTTO Health & Clean that help curb bacterial accumulation. Examples of construction innovations under the CPAC Green Solution brand use technology to enhance construction solutions such as farm solution, a onestop farm design and construction service with quick completion and biosecurity standards, as well as gas station solution, a onestop gas station design and construction service. An example of packaging innovation is Fest Chill food packaging from paper, coated with peelable films for convenience in recycling and degradable with durable designs suited for food delivery services.

3.) Expanding financial liquidity with proper working capital management, inventory level that reflect markets demand, and trade credits that are closely monitored. Additionally, SCGP digital bonds are to be issued on August 1, 2022.

4.) Prudent strategic investments, revisiting investment plans, delaying new, unurgent projects or those that require longer runway to generate returns, and targeting quickreturn projects that are aligned with SCGs growth strategy. Examples are the Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) in Vietnam which is progressing as planned with 96% completion and is expected to begin commercial operations by H1/2023. Recently, SCGP expanded into the packaging materials recycling business with Peute Recycling B.V., Netherlandslargest packaging materials recycler, and invested in USAs Imprint Energy Inc. in the printed battery business. Imprint has solid growth potential while its knowhow and expertise can be be applied in ASEAN and used for smart packaging.

5.) Emphasizing ESG with ESG 4 Plus guidelines (Set netzero Go green Reduce inequality Embrace collaboration, PLUS trust through transparency in all operations). In H1/2022, sales of ecofriendly innovations under the SCG Green Choice label amount to 153,240 MB, 50% of the total Revenue from Sales.

SCG focuses on reducing inequality for those affected by the economic crisis. In H1/2022, the projects welcomed 4,366 participants in all 3 facets addressed. Firstly, creating sustainable income such as knowledge development to add value to community products, career development for the disabled, home renovation skills development, and indemand skills development for young generations. Secondly, enhancing skills for job stability such as for contractors. And expanding work opportunities such as allowing credits for contractors to facilitate the purchasing of construction materials by Siam Saison

Recently, SCG organized the ESG Symposium 2022 which welcomed over 130,000 onsite and online participants and collaborations from 315 coalitions across sectors to relieve the earths crises and reduce inequality. The event expanded brainstormed ideas to implementation with guidelines to establish collaborations for innovation towards netzero. This contributes to timely development of a roadmap for the best carbon emissions reduction innovation for use in Thailand. Also, plans were underway for collaborations toward a lowcarbon society with 60 private organizations that extend across alternative energy, circular economy, sustainable consumption, and enhancing women and youths roles in driving the economy and resolving crises together.

Besides, SCG collaborated with the Thai Cement Manufacturers Association (TCMA), Thailand Concrete Association (TCA), and Global Cement and Concrete Association (GCCA) to establish theThailand Chapter: Net Zero Cement & Concrete Roadmap which was presented at the GCCA CEO Gathering 2022 in Atlanta, USA. This was done to help drive CO2 emission reduction in cement and concrete businesses worldwide.

    In addition, The Board of Directors of SCG has approved H1/2022 interim dividend payment of 6.0 Baht per share (7,200 MB), which is payable on Friday, August 26, 2022, with XDdate on Wednesday, August 10, 2022, and record date on Thursday, August 11, 2022.” Mr. Roongrote concluded.